รีวิว “ของขวัญ” สิ่งที่พ่อมอบให้
นอกจาก “ของขวัญ” จะเป็นโปรเจ็คพิเศษที่รวมหนัง 4 เรื่องของ 4 ผู้กำกับแล้ว ความโดดเด่นของหนังเรื่องนี้ยังฉายให้คนไทยได้ดูฟรีตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งภาพรวมของหนังเรื่องนี้คือการหยิบนำเอาคำสอนของ ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9’ อันเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตของประชาชนชาวไทยมาตีความผ่านเรื่องราวของผู้กำกับอันประกอบไปด้วย นนทรีย์ นิมิบุตร, ปรัชญา ปิ่นแก้ว, โขม ก้องเกียรติ และ มะเดี่ยว ชูเกียรติ
ส่วนตัวผู้เขียนนั้นชอบตอน “เมฆฝนบนป่าเหนือ” ของ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวของนักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งต้องออกค่ายไปปลูกป่าที่ชนบทอันห่างไกล ณ ที่นั่นเองนักศึกษากลุ่มนี้จึงได้เรียนรู้ว่าเจตนาอันแรงกล้าในการทำความดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หนังอาจจะเปิดเรื่องราวมาด้วยความรักประสาหนุ่มสาว แนวเพื่อนแอบรักเพื่อนแต่ไม่กล้าบอกเพราะสงวนท่าทีกันไว้ แต่ด้วยบรรยากาศการออกค่ายและการไปเผชิญโลกนั้นทำให้ตัวละครในเรื่องต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคอาทิเช่น ผู้ใหญ่บ้าน (บุญส่ง นาคภู่) ที่เป็นตัวกลางระหว่างการประสานงานระหว่างกลุ่มนักศึกษาและชาวบ้าน แรกเริ่มดูเหมือนการปลูกป่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งพวกเขาเริ่มค้นพบว่าชาวบ้านบางส่วนไม่สามารถแบ่งพื้นที่ทำกิน (ในการปลูกข้าวโพด) ให้นักศึกษากลุ่มนี้มาปลูกป่าได้
เจตนาดีของนักศึกษากลุ่มนี้จึงถูกทดสอบเมื่อผู้นำการออกค่าย (เฟม-ชวินโรจน์ ลิขิตเจริญสกุล) ที่อารมณ์ร้อน ตั้งใจทำงาน ต้องรับมือกับทั้งปัญหาจากชาวบ้าน และเพื่อนร่วมค่ายที่เดินทางมาครั้งนี้บ้างก็มาเพราะทำเพื่อแลกกับเกรดเฉลี่ยในการเรียนจบ บ้างก็มาเพราะอยากสนุก เหล่านี้ทำให้สถานภาพการเป็นผู้นำของเขาถูกทดสอบครั้งใหญ่
นอกเหนือไปจากนี้ในหนังยังให้รายละเอียดกับฝั่งชาวบ้านได้อย่างน่าสนใจ ผ่านฉากที่เหล่านักศึกษาคิดว่าจะส่งสารบางอย่างผ่านการแสดงละครโดยเด็กๆชาวบ้าน ที่พูดถึงเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อสร้างที่ดินทำกิน แต่ชาวบ้านก็แสดงความไม่พอใจออกมาเพราะพวกเขารับรู้ดีว่า กลุ่มนักศึกษากลุ่มนี้พยายามจะบอกอะไร พวกเขาโต้กลับว่า “แล้วจะให้พวกเขาทำอย่างไร ถ้าพวกเขาไม่ทำมาหากิน พวกเขาก็อดตาย ทำไมคนเมืองต้องโบ้ยทุกอย่างมาให้คนต่างจังหวัดอย่างพวกเขา ถ้าอยากปลูกป่ามาก ทำไมไม่ปลูกในเมืองไปเลยล่ะ” แค่ประโยคสั้นๆก็ทำให้เราเข้าใจได้ว่า บางครั้งเจตนาที่ดีก็ไม่สามารถปฏิบัติได้ทันที เพียงเพราะเรื่องราวบางอย่างก็มีข้อจำกัดในแต่ละเรื่องด้วยเช่นกัน
นั่นไม่ใช่เพราะชาวบ้านเห็นแก่ตัว แต่บางครั้งการอยู่รอดเพื่อดำรงชีวิตต่อไปนั้น ถ้าหากสภาพความเป็นจริงไม่ได้เอื้อโอนให้พวกเขาอยู่กับ “อุดมคติ” ได้เสมอไป
หนังเหมือนจะละทิ้งความเชื่อไป แต่คำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ยั้งได้รับการกล่าวถึงในช่วงท้ายของเรื่องที่ว่าบางครั้งการทำความดีนั้นก็เหมือนกับการหว่านเมล็ดพันธุ์บางอย่าง มันอาจจะยังไม่เห็นผลในวันนี้แต่ก็อย่าเพิ่งท้อ สักวันเมล็ดพันธุ์นั้นจะงอกงามเติบใหญ่และทำให้เราเห็นผลในภายภาคหน้าเอง
เมฆฝนบนป่าเหนือ เป็นแค่เพียงตอนหนึ่งในเรื่อง “ของขวัญ” เท่านั้น ยังมีอีก 3 เรื่องที่มีประเด็นและเสน่ห์ในแต่ละตอนที่น่าสนใจ อยากให้คนที่ยังไม่มีโอกาสได้ชมลองไปชมดูติดตามรอบฉายและขอรับบัตรชมภาพยนตร์ได้ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์และเอสเอฟซีนีมาซิตี้ครับ