รีวิว WIND RIVER ล่าเดือดเลือดเย็น
เหมือนอดีตกลับมาหลอกหลอนอีกครั้งเมื่อ คอรี่ (เจเรมี เรนเนอร์) เจ้าหน้าที่ป่าไม้ประจำเขตวินด์ริเวอร์ได้พบศพของนาตาลี (เคลซี อัสบิล) ลูกสาวของเพื่อนรักชาวอินเดียนแดง จนได้ร่วมมือกับ เจน (อลิซาเบธ โอลเซ่น) เอฟบีไอสาวที่ต้องมาทำคดีในดินแดนที่เธอไม่คุ้นเคย และยิ่งทั้งคู่เข้าใกล้ความจริงเท่าไหร่ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความอำมหิตของจิตใจมนุษย์ที่เหมือนกับดักรอคร่าชีวิตทั้งคู่ได้ทุกเมื่อ
ปัจฉิมบทของไตรภาคเลาะขอบอเมริกา
ผลงานของผู้กำกับ เทย์เลอร์ เชอริแดน ส่วนใหญ่คือการเขียนบทซึ่งมีผลงานโดดเด่นระดับเข้าชิงออสการ์อยู่ 2 เรื่องได้แก่ Sicario (2015) ที่กล่าวถึงการตามล่าหัวหน้าค้ายาในชายแดนเม็กซิโก และ Hell or High Water (2016) ที่กล่าวถึงคู่พี่น้องที่ยอมเป็นโจรเพื่อพิทักษ์ที่ดินมรดกสุดท้ายของพวกเขาในเท็กซัสตะวันตก และพอถึงผลงานกำกับจากบทตัวเองอย่าง WIND RIVER ก็สังเกตได้ไม่ยากว่า เชอริแดน ยังคงให้ความสนใจกับประเด็นการเมืองของคนชายขอบที่คราวนี้การเลือกเล่าเรื่องใน วินด์ริเวอร์ แหล่งอาศัยของชาวอินเดียนแดงที่ต้องทนกับสภาพความหนาวเหน็บระดับที่ตัวละครต่างเรียกที่นี่ว่า “นรกแช่แข็ง” โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่การตายของเด็กสาวชาวพื้นเมือง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ WIND RIVER โดดเด่นจากหนังสืบสวนสอบสวนที่สร้างกันมาจนเกร่อคงหนีไม่พ้นการพูดถึงระบบราชการที่มีความซับซ้อนและบ่อยครั้งที่ความยุติธรรมก็อาจละเลยหรือหลงลืมชาวพื้นเมือง ตามที่หนังให้ข้อมูลในเครดิตท้ายเรื่องว่ามีชาวอินเดียนแดงที่หายสาบสูญไปเป็นจำนวนมากโดยมีฉากหลังเป็นเมืองที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนและมีสภาพอากาศหนาวเหน็บก็ยิ่งทำให้คนดูสัมผัสได้ถึงความคลุมเครือทั้งจิตใจมนุษย์และเส้นแบ่งระหว่างความยุติธรรมกับจรรยาบรรณที่ดูจะพร่าเลือนยิ่งนัก
วิพากษ์ระบบยุติธรรมผ่านสัญญะอย่างแยบคาย
โดยสิ่งที่ต้องชื่นชม เทย์เลอร์ เชอริแดนในฐานะผู้กำกับที่แม้จะมีผลงานกำกับไม่มากแต่ WIND RIVER กลับถูกถ่ายทอดออกมาอย่างกลมกล่อมมีจังหวะจะโคนและไม่น่าเบื่อ แม้สาระสำคัญของมันถือว่าหนักหน่วงและมุ่งวิพากษ์ระบบยุติธรรมในเชิงปฏิบัติ ทั้งการที่ต้องรอ FBI มาถึงที่เกิดเหตุเพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายศพและส่งนิติเวชเพื่อชันสูตรศพ ซ้ำร้ายเมื่อถึงขั้นตอนนิติเวชแล้วเจ้าหน้าที่ FBI อย่าง เจน ยังต้องเถียงกับเจ้าหน้าที่นิติเวชเรื่องสาเหตุการตายที่มีผลต่อการขอกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมที่แสดงให้เห็นความพร่าเลือนของ ‘เส้นแบ่ง’ อันเป็นปัญหาของภาครัฐที่บกพร่องในการมอบความยุติธรรมให้กับชนกลุ่มน้อย ทำให้หลายครั้งตัวละครเองก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างถูกต้องตามจรรยาบรรณกับความยุติธรรมที่อาจต้องลัดขั้นตอนบ้างเมื่อเข้าใกล้ความจริงอันฟอนเฟะ และทีละน้อยผู้ชมก็ค่อยๆเปลี่ยนจากผู้สังเกตการณ์กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปโดยปริยาย นอกจากนี้ตัวหนังยังแอบซ่อนสัญลักษณ์กับการเล่นกับ “ประตู” สัญลักษณ์ของการเปิดเผยเปิดโปงและปิดกั้นได้อย่างแยบคายตั้งแต่ประตูแรกคือบ้านที่ เจน เข้าไปสวมชุดกันหนาวของลูกสาวคอรี่ที่ล่วงลับ หรือแม้แต่ประตูของเหล่าผู้ร้ายที่ไม่มีวันรู้เลยว่าพวกเขาจะได้ไปเจอมัจจุราชตอนไหน ซึ่งถูกถ่ายทอดอย่างโน้มน้าวชักจูงและลุ้นระทึกแบบแทบลืมหายใจ
งานเสียงสุดประณีต
ท่ามกลางหนังฟอร์มยักษ์ในปีนี้ ไม่น่าเชื่อว่างานประพันธ์เพลงสกอร์ของ WIND RIVER ของ นิค เคฟ กับ วาร์เรน เอลลิส กลับลอยตัวโดดเด่นด้วยการไล่อารมณ์แต่ละฉากได้อย่างมีจังหวะจะโคน สร้างทั้งความหลอกหลอนและหม่นเศร้าที่อบอวลห่อหุ้มเรื่องราวได้อย่างมีมิติ นอกจากนี้งานออกแบบเสียงของหนังยังโดดเด่นจนอดพูดถึงไม่ได้ มีฉากหนึ่งที่อยากกล่าวถึงเป็นพิเศษคือฉากที่คอรี่พาเจนไปตามสืบเรื่องของเอมิลี่จากพ่อค้ายา ซึ่งหนังมีงานออกแบบเสียงที่น่าสนใจโดยเป็นผสมผสานระหว่างเสียงเพลงฮิพฮอพกับลมหนาวที่พัดแรงเป็นห้วงจนสร้างอารมณ์หลอกหลอนที่เฉพาะตัว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องชม WIND RIVER ในโรงภาพยนตร์เพื่อสัมผัสองค์ประกอบทางภาพยนตร์อย่างเรื่องเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดราม่าจากทีมนักแสดงชั้นยอด
ไม่เพียงการวิพากษ์การเมืองอย่างคมคายเท่านั้น จุดเด่นอีกอย่างของ WIND RIVER คือการใช้ดราม่ามาขับเคลื่อนการตัดสินใจของตัวละคร โดยมีเรื่องราวอดีตอันขมขื่นของ คอรี่ ที่เคยสูญเสียลูกสาวไปกับกองหิมะจนเป็นตราบาป ซึ่งแม้หนังจะไม่ได้นำเสนอภาพการตายของลูกสาวคอรี่อย่างชัดเจน แต่การแสดงความรู้สึกของคอรี่ในการพบศพนาตาลีครั้งแรกก็ทำให้คนดูสัมผัสได้ถึงความแหลกสลายของจิตใจผู้เป็นพ่อของคอรี่โดยไม่ต้องอาศัยคำพูดใดๆ ซึ่งคงต้องยกความดีความชอบให้กับ เจเรมี เรนเนอร์ ที่ถ่ายทอดบทบาทนี้ออกมาได้อย่างเข้าอกเข้าใจ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่ฟูมฟายแต่อัดแน่นเต็มอกรอวันระเบิด ซึ่งส่งผลให้ตอนไคลแมกซ์ของหนังออกมาทรงพลังด้วยการใช้ดราม่าของตัวละครเพื่อส่งเสริมกับเรื่องราวสืบสวนที่ทั้งดำมืดและเขย่าจิตใจผู้ชมในทุกช่วงตอนของหนัง และคงไม่กล่าวเกินจริงหากจะกล่าวว่านี่คือบทที่จะเป็นใบเบิกทางสู่เวทีออสการ์เป็นครั้งที่สามแน่นอน ด้าน อลิซาเบธ โอลเซ่น เองก็ทำหน้าที่ตัวเองได้เป็นอย่างดีในบทเอฟบีไอที่อยู่ผิดที่ผิดทางและไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจทั้งต่อสภาพอากาศและจิตใจอันดำมืดของมนุษย์ แต่น่าเสียดายว่าบทของเธอมีความใกล้เคียงกับบทของ เอมิลี บลันต์ จาก Sicario (2015) หนังที่เทย์เลอร์ เชอริแดน เคยเขียนบทมากเกินไป และในเมื่อ เอมิลี บลันต์ ยังถูกออสการ์เมินมาแล้ว บทเจน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอของเธอก็ไม่แคล้วเป็นเพียงดอกไม้ริมทางในสายตาคณะกรรมการไปโดยปริยาย
ด้วยบทภาพยนตร์สุดเข้มข้นบวกกับการแสดงของ เจเรมี เรนเนอร์ ทำให้ WIND RIVER เป็นอีกหนึ่งหนังทริลเลอร์ที่ไม่อยากให้พลาดด้วยประการทั้งปวงทั้งในแง่ความระทึกและดราม่าลึกซึ้งที่ถูกถ่ายทอดผ่านองค์ประกอบทางภาพยนตร์อย่างสมบูรณ์
WIND RIVER ล่าเดือดเลือดเย็น ฉาย 30 พฤศจิกายนนี้