Jigsaw ขาโหดคืนฟอร์ม
การกลับมาทวงบัลลังก์หนังสยองขวัญของแฟรนไชส์ Saw ที่เว้นช่วงจากภาคก่อนหน้าถึง 7 ปีถ้านับตามการเรียงลำดับภาค Jigsaw ก็คือภาคที่ 8 ภาคนี้ดูจะเป็นการยกเครื่องเรื่องราวที่ดูเหมือนจะเป็นการ Reboot กลายๆ หนังได้พี่น้อง ไมเคิล และ ปีเตอร์ สไปริก มารับ หน้าที่กำกับ ผลงานของพี่น้องคู่นี้น่าเชื่อถือดีครับ Predestination (2014) เป็นหนังฟอร์มเล็ก ที่ดูแล้วชวนอึ้งกับพล็อตและแนวคิดเรื่องมาก ซึ่งพี่น้องสไปริกก็ดูจะเอาไอเดียเรื่องช่วงเวลามาใส่ไว้ใน JIGSAW ด้วยเช่นกัน
Jigsaw เปิดตัวในหลายประเทศไปตั้งแต่ปลายตุลาคม ทำกำไรสบายตัวไปเรียบร้อยแล้ว เหตุสำคัญที่ Saw ลากยาวมาได้ถึง 7 ภาค และไลอ้อนเกต ไม่ยอมปิดแฟรนไชส์ไปได้ง่ายๆ ก็เพราะ Saw เป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างต่ำ แต่ละภาคไม่เกิน 10 ล้านเหรียญ มีภาค 7 Saw 3D ที่ใช้ทุนสร้างสูงถึง 20 ล้าน แต่ Saw ทุกภาคก็ล้วนทำรายได้พ้นหลัก 100 ล้านเหรียญกันทั้งนั้น
หนังเปิดเรื่องมาด้วยเหตุการณ์ระทึก เมื่อมีศพปรากฏขึ้นตามจุดต่าง ๆ ในเมือง เมื่อชันสูตรพบว่ามีหลักฐานหลายจุดยืนยันว่าเป็นฝีมือของจิ๊กซอว์ที่ตายไปแล้วเป็น 10 ปี กลายเป็นปริศนาตัวโต ที่ชวนสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไรกัน จากนั้นหนังก็เริ่มเล่าเรื่องราวใน 2 เหตุการณ์คู่ขนาน ฟากหนึ่งคือเหยื่อชุดใหม่ 5 คนของ จิ๊กซอว์ ที่ถูกจับมาเล่นเกมชำระบาป ที่แต่ละด่านจะต้องมีเหยื่อสละชีพ 1 ราย แล้วแต่ละรายก็จะถูกนำไปทิ้งในที่สาธารณะ โยงเรื่องราวอีกฝั่งหนึ่งที่มีนักสืบฮอลโลแรน รับหน้าที่ไขปริศนาคดีนี้ ร่วมกับโลแกน แพทย์ที่ทำหน้าที่ชันสูตรศพ
หนังเดินเรื่องได้ชวนระทึกน่าติดตามทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งเหยื่อโชคร้ายก็ยังคงยึดธรรมเนียมของหนัง SAW ด้วยบรรดาอุปกรณ์สุดโหดในหลายๆ ด่าน ที่ดูไปร้องยี้ไป ลุ้นกันไปแต่ละด่านว่าเกมอะไรจะโผล่มา แล้วใครจะรอดเป็นคนสุดท้าย สภาพศพชวนแหวะมากครับ สภาพศพเละๆ ก็จ่อให้เห็นกันชัดๆ กันไปเลย สภาพศพหัวโดนตัดครึ่งก็แช่ให้ดูกันนานๆ เอาให้สภาพจิตตายด้านกันไปข้าง
ส่วนฝั่งสืบสวนก็สนุกไปกับบทที่เขียนมาล่อหลอกคนดู บทหนังเขียนให้ตัวละครทุกตัวดูมีพฤติกรรมน่าสงสัยกันหมด เดี๋ยวก็เดากันว่าคนนั้น คนนี้ ก่อนจะมาเฉลยกันใน 5 นาทีสุดท้าย ด้วยซีนที่นิยมกันในหนังหักมุม ตัดภาพย้อนหลังสั้นๆ ไปทีละช่วงที่หนังหยอดปริศนาไว้ทั้งเรื่อง ถ้ามองในด้านความพยายามล่อหลอกหักมุมก็ต้องปรบมือให้กับความตั้งใจและความละเอียดในการไล่ปิดทุกช่องที่เปิดไว้ได้หมดสิ้น
และการดึง จิ๊กซอว์ หรือ จอห์น เครเมอร์ กลับมาได้โดยไม่น่าเกลียดเกินไปนัก แต่ก็ดูด้วยความบันเทิงและทำใจรับว่านี่คือฮอลลีวูด อย่าอิงหลักความเป็นจริงเพราะมันดูโม้มาก เวอร์มาก และเป็นการเฉลยแบบรวดเร็วฉับไวไม่รอคนดู เดินออกจากโรงมา ยังต้องไล่เรียงความทรงจำทำความเข้าใจต่ออีกเล็กน้อย ช็อตสุดท้ายปิดได้สวยตามรูปแบบของหนัง SAW ด้วยการเลื่อนประตูปิดใส่คนดูเหมือนฉากจบในภาคแรก เป็นการบอกนัยๆ ว่า นี่คือการสานต่อตำนาน Saw ครั้งใหม่แล้วนะ
แน่นอนว่าหนังสยองขวัญอย่าง SAW ไม่ใช่แนวทางที่บรรดานักวิจารณ์จะชื่นชอบ หรือจะได้รางวัลจากสถาบันต่างๆ มาอวดอ้าง แต่ในด้านการตอบสนองคอหนังสยองขวัญ หรือคนที่ชื่นชอบ Saw ในภาคแรกๆ น่าจะพึงพอใจกับการกลับมาครั้งนี้ ที่ได้เห็นบรรดาอุปกรณ์ตัวใหม่ๆ ได้ออกมาทำหน้าที่โหดของมัน หนังมีฉากที่ได้เอาอุปกรณ์คลาสสิกในภาคก่อนๆ มาโชว์ให้เห็นด้วย และบทภาพยนตร์ของคู่หู พีต โกลด์ฟิงเกอร์ และจอช สโตลเบิร์ก ก็ทำหน้าที่ยกเครื่องครั้งใหม่ได้ดี การวางมุกล่อหลอกและเฉลยแบบหักมุมเล็กๆ ที่ไม่ถึงเหวอนักแต่ก็อยู่ในระดับน่าชื่นชม ก็ฝากถึงแฟนๆ Saw เคยเบือนหน้าให้กับภาคหลังๆ ว่าภาคนี้คืนฟอร์มแล้วครับ กลับมารื้อฟืนอารมณ์สยองขวัญกันได้