สรุปรายได้หนังมาร์เวล เรื่องไหนโกยหนัก เรื่องไหนโกยน้อย

สรุปรายได้หนังมาร์เวล เรื่องไหนโกยหนัก เรื่องไหนโกยน้อย

สรุปรายได้หนังมาร์เวล เรื่องไหนโกยหนัก เรื่องไหนโกยน้อย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 กว่าสิบปีที่หนังมาร์เวลได้เปิดตัวและพาผู้ชมไปสำรวจจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่มาอย่างบันเทิงเริงใจตั้งแต่ปี 2008 ที่ Iron Man เปิดตัว เรามาดูกันดีกว่าแต่ละเรื่องทำเงินไปแค่ไหน

 

 

Iron Man (2008)

รายได้เฉพาะในอเมริกา   318 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก           585 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง           140 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าเมื่อหนังเข้าฉายจะได้รับการตอบรับแค่ไหน แต่เมื่อหนังเปิดตัวก็สามารถทำรายได้อย่างงดงาม ถ้าหาก Iron Man ภาคแรกไม่เวิร์ค คงไม่เกิดจักรวาลมาร์เวลแบบวันนี้

 

 

The Incredible Hulk (2008)   

รายได้เฉพาะในอเมริกา    134 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก            263 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง            150 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : ฮัลค์ดูเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ไม่ค่อยถึงกลุ่มผู้ชมสักเท่าไหร่ แต่รายได้ก็ไม่จัดว่าแย่ แค่ดูไม่ค่อยเวิร์ค

 

 

Iron Man 2 (2010)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    312 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก            623 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง            200 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : ถึงบทภาพยนตร์จะเป็นปัญหาสำหรับนักวิจารณ์แต่หนังก็ยังทำเงินถล่มทลาย

 

 

Thor (2011)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    181 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก            449 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง            150 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : อีกครั้งที่มาร์เวลพยายามเปิดตัวคาแรคเตอร์ใหม่ๆ ดูเหมือนว่ามาร์เวลกำลังหาช่องทางขยายจักรวาล

 

 

Captain America: The First Avenger (2011)

รายได้เฉพาะในอเมริกา   176 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก           370 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง           140 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : ความพยายามครั้งสำคัญที่มาร์เวลพยายามถามกับผู้ชม และวัดความสำเร็จจากกระแสหลังหนังฉายว่าคนดูอยากเห็นตัวละครในกลุ่ม The Avengers

 

 

The Avengers (2012)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    623 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก          1,518 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง             220 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : มาร์เวลทำสถิติรายได้หนังเปิดตัวสูงเป็นประวัติการณ์ 207 ล้านเหรียญในสุดสัปดาห์แรก และ The Avengers กลายเป็นหนังที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในอันดับที่ 5

 

 

Iron Man 3 (2013)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    409 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก            1,214 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง             200 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : ผลพวงจากความสำเร็จของ The Avengers ผู้ชมรู้สึกว่าเนื้อหาของตัวละครเริ่มผูกเป็นจักรวาลเดียวกัน

 

 

Thor: The Dark World (2013)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    206 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก            644 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง            170 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : เป็นภาคต่อที่ดีกว่าภาคแรก แต่ยังคงกลิ่นอายของตัวละครแบบเดิมไว้

 

 

Captain America: The Winter Soldier (2014)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    259 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก            714 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง            170 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : ผันตัวเองจากหนังซูเปอร์ฮีโร่เป็นหนังการเมืองระทึกขวัญ อีกทั้งยังสร้างตัวละครอื่นๆ (วินเทอร์โซเยอร์) ให้กลายเป็นที่ชื่นชอบของคนดู

 

 

Guardians of the Galaxy (2014)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    333 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก            773 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง            170 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : อีกหนึ่งความพยายามครั้งสำคัญของมาร์เวลในการเล่าเรื่องของตัวละครแบบ “กลุ่ม” ด้วยอารมณ์ขันเหลือร้ายและเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ติดหู ผู้กำกับเจมส์ กันน์ คืออีกหนึ่งคนที่ทำให้แฟรนชายส์ Guardians of the Galaxy เป็นที่รักของผู้ชม

 

 

Avengers: Age of Ultron (2015)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    459 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก         1,405 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง            250 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : ถึงรายรับโดยรวมจะน้อยกว่า The Avengers แต่ภาพรวมหนังก็ยังทำเงินทั่วโลกถล่มทลายอยู่ดี

 

 

Ant-Man (2015)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    180 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก            519 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง             130 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : เป็นหนังมาร์เวลที่มีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนตัวผู้กำกับกลางคัน แต่ท้ายที่สุดหนังก็ยังได้รับการตอบรับที่ดี แม้ว่าคนดูบางส่วนอยากจะดูเวอร์ชั่นของผู้กำกับ เอ็ดการ์ ไรท์ มากกว่า

 

 

Captain America: Civil War (2016)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    408 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก         1,153 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง            250 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : หนังออกจะเป็นอเวนเจอร์ภาคต่อมากกว่ากัปตันอเมริกาก็ตาม แต่เมื่อตัวละครยิ่งเยอะ กระแสตอบรับจากผู้ชมก็น่าพอใจตามไปด้วยเช่นเคย

 

 

Doctor Strange (2016)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    232 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก            677 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง            165 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : เมื่อมาร์เวลพอจะมั่นใจได้แล้วว่าฮีโร่คนใหม่ๆ ที่สตูดิโออยากจะแนะนำเปิดตัวยังคงได้รับการตอบรับที่ดี “หมอแปลก” กลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เปิดจักรวาลมาร์เวลให้กว้างกว่าเดิม

 

 

Guardians of the Galaxy Vol. 2 (2017)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    389 ล้านเหรียญฯ

รายได้จากทั่วโลก            863 ล้านเหรียญฯ

ต้นทุนในการสร้าง            200 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : เสียงตอบรับอาจจะได้ปังเหมือนภาคแรก แต่หนังก็ยังตอบโจทย์คนดูว่าบางครั้งคาแรคเตอร์ก็เป็นจุดขายสำคัญ (มากกว่าพล็อตเรื่อง 555)

 

 

Spider-Man: Homecoming (2017)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    333 ล้านเหรียญฯ (ตัวเลขยังไม่สรุปเนื่องจากหนังยังทำการฉายอยู่)

รายได้จากทั่วโลก            879 ล้านเหรียญฯ (ตัวเลขยังไม่สรุปเนื่องจากหนังยังทำการฉายอยู่ในบางประเทศ)

ต้นทุนในการสร้าง            175 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : หลังจากความพยายามอันเนิ่นนานของมาร์เวลในการดึงตัวสไปเดอร์แมนกลับมา นี่คือก้าวสำคัญที่แฟนพันธุ์แท้ของมาร์เวลรอคอย และเป็นครั้งสำคัญที่หนังเลือกจะไม่เล่าจุดกำเนิดของสไปเดอร์แมนแบบที่คนดูเคยดูมาแล้วในเวอร์ชั่นของโทบี้ แม็คไกวร์ และแอนดรูว์ การ์ฟิลด์

 

 

Thor: Ragnarok (2017)

รายได้เฉพาะในอเมริกา    121 ล้านเหรียญฯ (ตัวเลขยังไม่สรุปเนื่องจากหนังยังทำการฉายอยู่)

รายได้จากทั่วโลก            427 ล้านเหรียญฯ (ตัวเลขยังไม่สรุปเนื่องจากหนังยังทำการฉายอยู่ในบางประเทศ)

ต้นทุนในการสร้าง            180 ล้านเหรียญฯ

เกร็ด : หนังเลือกจะเปลี่ยน “โทน” หนังจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ใครจะไปคิดว่าหนังลิเกอย่างธอร์ จะกลายเป็นหนังตลก!

 

 

สรุป 3 อันดับหนังมาร์เวลที่ทำเงินทั่วโลกสูงสุด ณ เวลานี้

อันดับที่ 1 The Avengers : รายได้ 1,518 ล้านเหรียญฯ

อันดับที่ 2 Avengers: Age of Ultron : รายได้ 1,405 ล้านเหรียญฯ

อันดับที่ 3 Iron Man 3 : รายได้ 1,214 ล้านเหรียญฯ

 

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ ของ สรุปรายได้หนังมาร์เวล เรื่องไหนโกยหนัก เรื่องไหนโกยน้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook