รีวิว JIGSAW อย่าปลุก “ผี”
กว่าหลายปีที่แฟรนไชส์ SAW ห่างหายไปจากจอภาพยนตร์ อันที่จริงแล้วตำนานของ “จอห์น เครเมอร์” หรือ “จิ๊กซอว์” แฟนหนังชุดนี้ต่างก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเหตุที่เขาเริ่มสร้างกับดักหรือเกมขึ้นมา เพื่อจะสอนให้เหยื่อรู้จักคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ต่อไป ในขณะที่ตัวของเขาเองกำลังต้องเผชิญหน้ากับความตายอย่างโรคมะเร็ง อันใกล้จะคร่าชีวิตของตนไปทุกเมื่อ แนวคิดของตัวละครจิ๊กซอว์เป็นแนวคิดที่ดี เพียงแต่วิธีการของเขานั้นขัดแย้งกับวิถีความเป็นมนุษย์ปกติ เพราะการเอาตัวรอดของเหยื่อจากกับดักนั้นเต็มไปด้วยวิธีการที่โหดร้ายและเหยื่อต้อง “เฉือน” อะไรสักอย่างในร่างกายของตัวเองเพื่อแลกกับชีวิตของตน
แนวคิดดังกล่าวกลายเป็น “แก่น” ของแฟรนไชส์ชุดนี้มาอย่างต่อเนื่องด้วยกันถึง 7 ภาค แม้ว่าหนังภาพที่ผู้ชมมักจะจดจำได้ น่าจะอยู่แค่สามภาคแรกเท่านั้น เพราะหลังจากภาคที่ 3 เป็นต้นมา หนังก็เข้าอีหรอบ “หมดมุข” และถึงต่อให้หนังพยายามจะ “หักมุม” แค่ไหนก็ตาม คนดูที่เป็นแฟนหนังชุดนี้ก็คงพอจะจับไต๋ได้ว่าหนังจะอำคนดูยังไง และบทสรุปที่คิดว่าปิดฉากแน่ๆ แล้ว ย่อมไม่ใช่เช่นนั้นอย่างแน่นอน
JIGSAW คือการ “ฟื้นชีพ” แฟรนไชส์นี้ให้กลับมามีลมหายใจอีกครั้ง รวมถึงการสร้างคดีฆาตกรรมครั้งใหม่ขึ้นมา และเมื่อหลักฐานทุกอย่างบ่งชี้ว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมต่อเนื่องหลังจากมีการพบศพเรี่ยราดอยู่รอบเมืองนั้น น่าจะเป็นฝีมือของจิ๊กซอว์ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เมื่อผู้ชมก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “จอห์น เครเมอร์” เสียชีวิตไปนานแล้ว
หนังเลือกจะใช้วิธีการสืบคดีของตำรวจ ตัดสลับกับเหยื่อทั้ง 5 คน ซึ่งพยายามเอาตัวรอดจากเกมครั้งใหม่ ที่พวกเขาต้องผ่านในแต่ละด่านสุดหฤโหด เกมกับดักแบบต่อเนื่องเช่นนี้ทำให้เราหวนนึกไปถึงหนัง SAW ภาคที่ 2 ซึ่งไม่ได้เกิดเหตุการณ์ในสถานที่เดียวแบบใน SAW ภาคแรก
อย่างไรก็ตามความระทึกของหนังภาคนี้อาจจะเรียกได้ว่า “หย่อนกว่า” มาตรฐานของหนังชุดนี้พอสมควร สืบเนื่องมาจากงานโปรดักชั่นที่เรียกได้ว่างานเนี้ยบจนเกินไป ทำให้โทนหนังภาคนี้มีความสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งกับดัก ทั้งการจัดองค์ประกอบภาพ จนเราอาจจะกล่าวได้ว่าหนังภาคนี้เป็นภาคที่คนดูเกิดอาการ “เสียว” น้อยที่สุด
ไม่เพียงเท่านั้นวิธีการออกแบบของตัวละครในหนังภาคนี้ก็เรียกได้ว่า แฟนหนังสยองขวัญน่าจะพอคาดเดากันได้ทันทีว่าใครจะตกเป็นเหยื่อก่อนและหลังตามลำดับ ยังไม่รวมไปถึงบรรดาผู้ต้องสงสัยที่ดูเชิงแล้วก็ไม่น่าจะเหนือความคาดหมายของคนดู แม้ว่าหนังจะพยายามสับขาหลอกแค่ไหนก็ตามที
JIGSAW จึงกลายเป็นหนังภาคต่อที่เป็นเหมือน งานพาสเจอร์ไรซ์หนังภาคก่อนๆ น่าอย่างน่าผิดหวัง (ถ้าหากคุณคาดหวังกับมัน) หรือว่าบางที เราก็ควรจะปล่อยให้จอห์น เครเมอร์ หลับให้สบายและอย่าไปปลุกชีพเขาให้ตื่นขึ้นมาอีกในหนังภาคต่อๆ ไปเลย ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนก็ตาม