วงการหนังสะเทือน เมื่อ ดิสนีย์ ซื้อสตูดิโอ ฟอกซ์ มาครอบครองแล้ว!
หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาเป็นระยะ ว่าทาง Disney Studio พยายามจะติดต่อเจรจากับสตูดิโอ 21st Century Fox ในการควบรวมบริษัทมาระยะหนึ่ง จนกระทั่งวันนี้เป็นที่สรุปแน่ชัดแล้วว่า Disney ทำสำเร็จ ภายใต้ดีลราคาห้าหมื่นสองพันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ
อันที่จริงแผนการขยายธุรกิจของ Disney นั้นเริ่มต้นขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เราจะย้อนกลับไปแค่ช่วงเวลาที่เริ่มต้นซื้อ Miramax Film ในปี 1993 ต่อมาในปี 1996 ได้มีการเจรจาซื้อช่องทีวี ABC เข้ามาในเครือ ในขณะที่ย้อนกลับไปช่วงปี 1995 Pixar ที่ยังเป็นบริษัทเล็กๆ ที่ Disney ออกทุนในการสร้างแอนิเมชั่น Toy Story ได้สร้างแหล่งขุมทรัพย์ให้กับ Disney (และปัญหาเรื่องการเงินเพราะเจรจาส่วนแบ่งกันไม่ลงตัว)
ในเวลาต่อมา แต่ Disney ยังไม่หยุดการขยายอาณาจักรเพียงนั้น เพราะในปี 2009 Disney ซื้อกิจการของ Marvel Entertainment และเดินหน้าอย่างเต็มสูบกับตลาดหนังซูเปอร์ฮีโร่ เท่านั้นยังไม่พอในปี 2011 Disney ยังคว้าสิทธิในการสร้างสวนสนุกผ่านธีมหนัง Avatar ของผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน เอามาประดับสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ถัดมาในปี 2012 Disney ซื้อ Lucasfilm ซึ่งรวมไปถึงแฟรนไชส์หนัง Star Wars และ Indiana Jones ด้วย ส่วนในปี 2014 หนังอย่าง Frozen ก็ทำกำไรอย่างถล่มทลายและพลิกให้คนดูหวนไปนึกถึงบรรดาตัวละครเจ้าหญิงตั้งแต่ยุคสโนไวท์เลยทีเดียว ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของอาณาจักร Disney เท่านั้น
ในขณะที่อาณาจักร Disney กำลังแผ่ขยาย ด้าน 21st Century Fox กลับอยากขายทรัพย์สินที่ตัวเองครอบครองไว้เพื่อลดขนาดธุรกิจด้านสื่อฯ ให้เล็กลงและเน้นการทำงานด้านข่าวและกีฬาแทน เพราะน่าจะช่วยเรื่องประสิทธิภาพในการทำงานในระยะยาวมากกว่า เพราะ Fox มองว่า เนื่องจากปัจจุบันการเติบโตขึ้นของโซเชียลมีเดียและระบบดูหนังออนไลน์ โดยบริษัทอาทิ Facebook, Google, Amazon และ Netflix ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการชมภาพยนตร์ รวมไปถึงการบริโภคสื่อไปอย่างมาก ส่วนสื่อแบบดั้งเดิมแทบไม่ได้รับความสนใจ วิธีการเดียวที่น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันคือต้องมีอาณาจักรอย่าง Disney ในการต่อยอด
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เมื่อการเจรจาลุล่วง Disney จะมีคอนเทนท์ในการใช้เป็นจุดแข็งสำหรับตลาดดิจิทัลมากขึ้น แถมในอนาคต Disney ได้วางแผนจะเปิดช่องสตรีมมิ่งเป็นของตนเอง ขณะที่สตูดิโออย่าง Fox ก็มีหนัง ซีรีส์ และรายการโทรทัศน์เป็นจำนวนมาก การควบรวมครั้งนี้จึงเป็นก้าวที่สำคัญของทั้งสองสตูดิโอ
อันที่จริงก่อนหน้านี้บริษัทอย่าง Comcast ที่เป็นบริษัทแม่ของ Universal Pictures ได้ให้ความสนใจในการเจรจาครั้งนี้ แต่ท้ายที่สุดก็ถอนตัวไป
สตูดิโอภาพยนตร์ภายใต้การดูแลของ Fox ที่จะมาอยู่กับ Disney จะประกอบไปด้วย Twentieth Century Fox, Fox Searchlight Pictures และ Fox 2000 ซึ่งนั่นถึงบรรดาหนังดังอย่าง Avatar, X-Men, Fantastic Four และ Deadpool ซึ่งคงเป็นเรื่องน่ายินดีไม่น้อยที่หนังมาร์เวลจะได้มาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที
เช่นเดียวกันกับทางทีวี Disney TV จะได้ช่อง Twentieth Century Fox Television, FX Productions และ Fox21 ซึ่งมีรายการและซีรีส์ดังอาทิ Modern Family และ The Simpsons เป็นต้น และนั่นยังไม่พอ Disney จะยังมีสิทธิในช่องเคเบิ้ลทีวีในตลาดต่างชาติอย่าง Fox Sports International, Fox TV, SKY TV ผู้ให้บริการเคเบิ้ลรายใหญ่ในประเทศอังกฤษและยุโรป และช่อง National Geographic ด้วย
ซีอีโอของ Disney อย่าง โรเบิร์ต ไอเกอร์ ในวัย 66 ปี ที่เขาจะลงจากตำแหน่งนี้ในปี 2019 แต่ด้วยความสำเร็จในการทำงานอย่างมากทำให้เจรจาตกลงที่จะต่อสัญญาการในการดำรงตำแหน่งนี้ไปจนถึงปี 2021
จากการรวมตัวระหว่างสองสตูดิโอยักษ์ใหญ่นี้แน่นอนว่าวงการภาพยนตร์อเมริกา จะต้องมีความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าวิธีการผลิตภาพยนตร์ตลาด (MASS) จะออกมาคล้ายกันหมดหรือไม่ เรายังต้องการความแตกต่างของภาพยนตร์อยู่หรือเปล่า อันนี้ก็ต้องเป็นสิ่งที่ติดตามกันต่อไป เพราะ Disney ค่อนข้างทำภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับ “ทุกคนในครอบครัว” ดังนั้นเรตติ้งที่หนัง Disney มักจะเป็นห่วงก็คือหนังเรท R ที่เป็นหนังสำหรับผู้ใหญ่
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเราคงต้องดูทิศทางลมต่อไป เพราะการควบรวมครั้งนี้จะยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแบบทันทีทันใด แต่ทั้งสองสตูดิโอจะทำงานร่วมกันและค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนน่าจะลงตัวกันภายในปี 2021
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ