หลากเรื่องน่ารู้ก่อนดู The Greatest Showman อลังการมิวสิคัลฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี
ถ้าหากปีก่อนเรามีหนังเพลงส่งท้ายปีเก่าอย่าง La La Land (เหลื่อมเวลาไปยังต้นปีนี้) ในปีนี้ The Greatest Showman คือหนังมิวสิคัลสุดอลังการที่ว่าด้วยความฝันอันยิ่งใหญ่ของชายคนหนึ่งที่ต้องการทำความฝันของตัวเองให้กลายเป็นจริง ผ่านการแสดงอันแสนยิ่งใหญ่ และนี่คือเรื่องราวของเขา
จากแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่สู่ภาพยนตร์
The Greatest Showman ดัดแปลงมาจากบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงอย่าง พี ที บาร์นัม ถ่ายทอดการเริ่มต้นธุรกิจในการทำโชว์อันตื่นตาตื่นใจ และยังนำเสนอเรื่องราวของคนช่างฝันที่เริ่มต้นทุกอย่างมาจากศูนย์ ก่อนจะผันตัวเองให้กลายเป็นคนที่โลกจดจำและกล่าวถึงตลอดไป
ผลงานการกำกับครั้งแรกของผู้กำกับหน้าใหม่
นี่คือผลงานการกำกับหนังขนาดยาวครั้งแรกของ ไมเคิล เกรซี ซึ่งก่อนหน้าจะมากำกับหนังเรื่องนี้เขามีผลงานด้านการทำงาน วิชวลเอฟเฟคจากทีวีซีรีส์เรื่อง The Genie from Down Under 2 ในปี 2009 และทำงานเบื้องหลังมาระยะหนึ่ง
การเล่าเรื่องราวของคนที่มีตัวตนอยู่จริงกว่าร้อยปีก่อน
พี ที บาร์นัม เป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เขาคือนักสร้างสรรค์และเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีหัวก้าวหน้า โดยหนังเรื่องนี้ยึดเอาความเชื่อที่ว่าบาร์นัมนั้นเป็นคนที่สามารถพาชีวิตของผู้คนในแต่ละวันที่แสนซ้ำซากจำเจ ให้ก้าวไปสู่ช่วงเวลาสุดมหัศจรรย์ความตื่นตาตื่นใจ และความสุขจากการเป็นคนแตกต่างได้อย่างภาคภูมิ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยวิสัยทัศน์ของผู้กำกับอย่าง เกรซี มองว่า “เมื่อคนเราได้รับแรงบันดาลใจหรือการยอมรับ ในชั่วขณะที่ชีวิตดูคล้ายจะยิ่งใหญ่กว่าที่เคยนึกฝันไว้”
ฮิวจ์ แจ็คแมน กับมิวสิคัล
หลังจากที่ ฮิวจ์ แจ็คแมน วางกรงเล็บของวูลฟ์เวอรีนไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ดูเหมือนว่าเมื่อครั้งที่เขาแสดงในหนังเพลงที่ดัดแปลงมาจากละครมิวสิคัลชื่อดังอย่าง Les Misérables จะทำให้เขาอยากจะกลับมาแสดงหนังเพลงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่ง The Greatest Showman ยิ่งไปกว่านั้นตัวฮิวจ์ แจ็คแมนเองก็เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับการสร้างขึ้นมา
อันที่จริงแล้วในปี 2009 ผู้อำนวยการสร้าง ลอเรนซ์ มาร์ค และผู้ร่วมเขียนบท บิลล์ คอนดอน คิดบทของหนังเรื่องนี้ขึ้นมา ระหว่างที่ทั้งสองทำงานร่วมกันในงานประกาศรางวัลออสการ์ โดยมีฮิวจ์ แจ็คแมนเป็นผู้ดำเนินรายการ (โดยงานประกาศผลรางวัลออสการ์ในปีนั้นถูกกำหนดภายในธีม Musical พอดิบพอดี)
ลอเรนซ์ มาร์ค พูดถึงฮิวจ์ แจ็คแมนตอนรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการแล้วกล่าวว่า “ว้าว คนคนนี้เป็นโชว์แมนที่เยี่ยมที่สุดในโลกเลย ตอนนั้นเองที่ผมนึกถึง พี ที บาร์นัมขึ้นมา ฮิวจ์เป็นเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ที่เป็นได้ทั้งวูลฟ์เวอรีนและพี ที บาร์นัม มีบางอย่างในดีเอ็นเอของฮิวจ์ที่ช่วยให้เขาก้าวขึ้นเวทีแล้วครองเวทีได้อย่างง่ายดาย เป็นธรรมชาติ และมีเสน่ห์ดึงดูด” และเมื่อเขายื่นขอเสนอนี้ให้กับฮิวจ์ ปรากฏว่าเขาเห็นด้วยทุกประการ
กว่าทุกอย่างจะกลายเป็นรูปเป็นร่าง
ไอเดียการสร้างอาจจะเริ่มขึ้นในปี 2009 แต่กระบวนการเตรียมงานนั้นกลับกินเวลายาวนานถึง 7 ปี ผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งจนกว่าจะออกมาเป็นรูปแบบของงานสร้าง บทเพลง ท่าเต้น และเหล่าดาราชื่อดัง กระบวนการเริ่มต้นขึ้นจากบทภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาอัดแน่นของเจนนี บิค ร่างบทดังกล่าวได้สำรวจยุคสมัยที่บาร์นัมเติบโตขึ้นมาจนมีชื่อเสียงโด่งดัง นับตั้งแต่วัยเด็กที่เขาอาศัยอยู่อย่างแร้นแค้นในคอนเน็กติกัต เรื่องราวความรักกับแชริตี ภรรยาซึ่งมีฐานะดีกว่าเขามาก การก่อตั้งพิพิธภัณฑ์อเมริกันของบาร์นัม ไปจนถึงการปั้นหนึ่งในซูเปอร์สตาร์คนแรกๆ ของโลกอย่างเจนนี ลินด์ ผู้มีฉายานามว่า “ไนติงเกลสวีเดน”
การหวนคืนสู่หนังเพลงของ แซค แอฟรอน
แฟนหนังที่โตมากับพระเอกหนุ่ม ผมบลอนด์หน้าหล่ออย่างแอฟรอน คงจำกันได้ว่าบทที่ทำให้เขาโด่งดังและเป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกนั้นมาจากหนังทางช่องดิสนีย์เรื่อง High School Musical ก่อนที่ภาพสุดท้ายอย่าง High School Musical 3 จะผันตัวเองให้กลายเป็นหนังฟอร์มกลางสำหรับฉายโรงภาพยนตร์ ดังนั้นเราไม่ต้องกังขาถึงเรื่องการร้องเล่น เต้นรำของพ่อหนุ่มคนนี้เลย หลังจาก HSM แซคมีโอกาสได้เล่นหนังเพลงอย่าง Hairspray ซึ่งได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมาก แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา แซคเลือกที่จะไปรับบทอันหลากหลาย จนกระทั่งฟิลลิปส์ คาร์ไลน์ นักแสดงหนุ่มเนื้อหอม ผู้ตกหลุมรักนักกายกรรมสาวแอนนา วีลเลอร์ (เซนดายา) ทำให้เขากลับมาเล่นหนังมิวสิคัลอีกครั้ง
สองนักแสดงหญิงกับบทบาทสุดโดดเด่น
มิเชล วิลเลียม รับบทบาทภรรยาของพี ที บาร์นัม ภรรยาผ้แสนดีที่อยู่เคียงข้างบาร์นัม มาตลอดทั้งยามทุกข์และยามสุข เธอคือกำลังใจและพลังบวกให้เขาเสมอมา จนกระทั่งวันที่บาร์นัมได้พบกับนักร้องดาวจรัสแสงอย่าง เจนนี ลินด์ (รีเบคก้า เฟอร์กูสัน) ความรักของสามีภรรยาก็เริ่มสั่นคลอน
เพลงประกอบภาพยนตร์สุดไพเราะและติดหู
The Greatest Showman คือหนังเพลงที่ได้นักแต่งเพลงระดับดีกรีออสการ์ เบนจ์ พาเซค และจัสติน พอล มาแต่งเพลงให้ ซึ่งอันที่จริงแล้วทั้งสองเป็นตัวเลือกสำหรับหนังเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เมื่อ La La Land ทำให้ทั้งสองได้รับออสการ์มานอนกอด นั่นหมายความว่า เพลงในหนังเรื่องนี้จะต้องมีความพิเศษเป็นอย่างมาก แนวเพลงในหนังเรื่องนี้จะเน้นไปในทางเพลงป๊อปที่เร้าอารมณ์และเปี่ยมชีวิตชีวา แม้ว่าจะเป็นเรื่องราวย้อนยุคก็ตาม แต่ตัวเพลงจะมีความร่วมสมัยเข้ากับยุคปัจจุบัน
เพลงเปิดภาพยนตร์
เพลงเอกของภาพยนตร์
"The Greatest Showman - โชว์แมนบันลือโลก"เปิดรอบพิเศษ 25 - 27 ธันวาคม 2560 (รอบ 20.00 น. เป็นต้นไป) ฉายจริง 28 ธันวาคม ในโรงภาพยนตร์
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ