รีวิว Fireworks ระหว่างเราและดอกไม้ไฟ อนิเมะสุดท้าทายความเข้าใจแห่งปี
Fireworks ระหว่างเราและดอกไม้ไฟ เป็นผลงานอนิเมชั่นล่าสุดจากญี่ปุ่น ที่หน้าหนังจัดว่าอยู่ในตระกูล Your Name ที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นภาพวิวสุดสวยแสงสีชวนฝันโดยเฉพาะดอกไม้ไฟที่เป็นอีกตัวเอกของเรื่อง เหล่าตัวเอกที่ล้วนเป็นเด็กวัยมัธยมต้น และเพลงไพเราะที่กลมกล่อมทั้งโรแมนติกและหม่นเศร้าอยู่ในที นั่นคือสิ่งที่เราต้องเตือนครับว่า มันไม่ใช่ทั้งหมดที่เราจะได้ชม ถ้าเปรียบ Your Name เป็นหนังโรแมนติกไซไฟอย่าง Back to the Future แล้ว Fireworks ก็เป็นดั่ง Inception หรือ 2001: A Space Odyssey นั่นเลยเชียว
ด้วยความที่หนังเป็นงานที่หยิบยืมมาจากพล็อตทีวีซีรีส์ชื่อเรื่องเดียวกันเมื่อปี 1993 ของ ชุนจิ อิวาอิ เจ้าพ่อหนังอินดี้เหงาบีบคั้นใจอย่าง Love Letter และ All About Lily Chou-Chou จึงทำให้หนังเรื่องนี้จะไม่ใช่อนิเมชั่นธรรมดาๆ แน่นอน ใครเป็นแฟนอิวาอิคงเข้าใจได้ดี
โดยเนื้อหาเล่าถึงช่วงก่อนปิดปลายภาคเรียน ซึ่งมีการจัดงานเทศกาลดอกไม้ไฟประจำเมือง เด็กหนุ่มนาม โนริมิจิ กับเพื่อนๆ สุดห่ามก็ได้มีการท้าพนันกันว่า ดอกไม้ไฟนั้นเป็นทรงกลมหรือแบนกันแน่ ทั้งหมดจึงนัดกันไปพิสูจน์ความจริงกันที่ประภาคารของเมืองกันในคืนเทศกาล อีกด้านหนึ่งเพื่อนร่วมห้องสุดสวยที่โนริโมจิแอบชอบอยู่อย่าง นาซึนะ กำลังลำบากใจที่ต้องย้ายบ้านตามแม่ที่จะแต่งงานใหม่ ก็ได้พบเจอลูกแก้วประหลาดที่ริมทะเล ทำให้เธอตัดสินใจว่าจะหนีออกจากบ้าน โดยคิดจะท้าพนันแข่งว่ายน้ำกับเพื่อนชายในห้องเรียนซึ่งหนึ่งในนั้นคือโนริมิจิ ว่าหากใครที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกเธอจะชวนคนนั้นหนีตามไปด้วยกัน
ถ้าเนื้อเรื่องเล่าเพียงเท่านี้คงเป็นหนังอินดี้เหงาๆ มีดราม่าและความโรแมนติกแบบวัยรุ่นแน่ๆ ทว่าตัวอนิเมชั่นกลับทะเยอทะยานไปไกลกว่านั้นอีก โดยหลังจากความผิดพลั้งครั้งแรกของโนริมิจิที่ทำให้นาซึนะถูกทางบ้านลากตัวกลับบ้านไป เขาก็ขว้างลูกแก้วของนาซึนะทิ้งด้วยความโกรธ และนั่นทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น เวลาถูกหมุนกลับไปยังจุดเปลี่ยนของเหตุการณ์ตามที่ใจโนริมิจิคิดขึ้นว่า ถ้าตอนนั้นฉันไม่ทำแบบนั้น แต่ทำแบบนี้จะเป็นยังไง ซึ่งนี่เองคือเนื้อแท้ของเนื้อเรื่องที่พยายามพูดอย่างลึกซึ้งและรวดร้าวในตอนท้ายว่า เราไม่ควรปล่อยให้โอกาสผ่านพ้นมือไปเมื่อมันมาถึง เพราะมันจะผ่านเลยไปอย่างไม่ใยดีใดๆ
ด้วยความซับซ้อนของการเล่าเรื่องนี้เอง ทำให้มันเป็นไซไฟที่ปลายเปิดพอสมควร เพราะหนังไม่ได้อธิบายการทำงานของลูกแก้วหรือที่มาที่ไปของมันนัก ไม่ต่างจากวัตถุดำในหนัง 2001: A Space Odyssey นั่นยังรวมถึงการย้อนกลับไปแต่ละครั้งก็ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือเพียงความทรงจำ ความคาดหวังของตัวละครเท่านั้น เช่นเดียวกับ Inception ที่ผู้ชมต้องสังเกตดอกไม้ไฟและความผิดปกติของเหตุการณ์ ซึ่งเป็นเหมือน โทเท็ม ของหนังเอาเองว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง หรือเรากำลังตกอยู่ในหัวของตัวละครตัวไหนกันแน่ ซึ่งสุดท้ายมันจึงท้าทายการรับชมและชวนให้ถกเถียงกันอย่างสนุกสนานด้วยหลังเรื่องราวได้จบลง
แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าเราจะตีความอย่างไร อย่างหนึ่งที่เราจะรู้สึกคือ ความเสียดายโอกาสที่หลุดลอย ความเหงา และความขมปนหวานของเรื่องราวสุดบรรเจิดนี้อย่างแน่นอน
หนังกำกับโดย อากิยูกิ ชิมโบ จากเรื่อง Sangatsu no Lion ตราบวันฟ้าใส และ ทาเคอุจิ โนบุยูกิ คีย์อนิเมเตอร์จากเรื่อง Spirited Away ทำให้ได้ผลงานภาพที่มีเอกลักษณ์มากๆ เช่นการเน้นดวงตาของตัวละครที่เป็นกุญแจบางอย่าง และมุมกล้องที่แปลกใหม่หลายอย่างที่ช่วยในการตีความร่วมด้วย โดยรวมแม้หนังจะดูดีมากแต่หนังก็มีจุดพร่องในหลายจุดเช่นการใช้ภาพลายเส้น 2 มิติ ผสมกับซีจีกับ 3 มิติ ยังดูลอยๆ ในหลายๆ ฉาก การพากย์เสียงที่ไม่เข้ากับตัวละครนักโดยเฉพาะเหล่าตัวละครชายที่เสียงแก่เกินตัวมาก ซึ่งในทางหนึ่งมันก็เปิดข้อถกเถียงเหมือนกันว่าผู้สร้างจงใจให้เป็นเช่นนั้นเพื่อบอกว่าทั้งหมดเป็นเพียงความคิดคำนึงของโนริมิจิในวัยผู้ใหญ่หรือไม่ แต่ระหว่างดูมันก็ชวนสะดุดหูทุกครั้งเช่นกัน เรียกว่าเป็นดาบสองคมทีเดียว
สิ่งที่ต้องชมนอกจากภาพและการเล่าเรื่องเหนือชั้นแล้ว คือบทเพลงในเรื่องนั้นไพเราะมากๆ เป็นอีกครั้งที่เราได้ฟังเพลง Forever Friends ของ Daoko ซึ่งคัฟเวอร์จากต้นฉบับของ REMEDIOS ที่ร้องไว้ครั้งเป็นฉบับทีวีซีรีส์ด้วย ในแบบการตีความที่ชวนน้ำตาไหลมากๆ ครับ
หนังเข้าฉายในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ เป็นอนิเมชั่นสุดยอดที่อาจจะเหมาะกับเด็กโตและผู้ใหญ่มากกว่าเด็กเล็กๆ มากครับ
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ