เลียม นีสัน กลับมาท้าตาย หนีตายในหนังแอ็คชั่น The Commuter
หลังจากลุงเลียม นีสันมักจะกลายเป็นฮีโร่ที่ไปอยู่สถานการณ์ผิดที่ผิดทางอยู่บ่อยครั้ง จนเราอยากจะพาริว จิตสัมผัสไปสแกนกรรมว่า ชาติปางก่อนแกไปทำอะไรมา ถึงดวงซวยไม่จบไม่สิ้นเสียที เช่นเดียวกันในหนังเรื่องใหม่อย่าง The Commuter ทำให้เราเห็นว่า พี่เลียม นีสันก็ยังคงกลับมารับบทบาทคล้ายๆ กับหนังเรื่องก่อนๆ แต่มีสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป
จาก TAKEN สู่ The Commuter
หลังจากรับบทคุณพ่อทวงลูกใน Taken เมื่อปี 2008 ทำให้เลียม นีสัน ได้รับการจดจำในฐานะนักแสดงแอ็คชั่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขารับบทบาททางการแสดงมาแล้วหลากหลาย และเขาก็จัดได้ว่าเป็นนักแสดงที่มากฝีมือ โดยเฉพาะในปี 1994 ที่เลียม นีสันได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายจากเรื่อง Schindler's List
ภายหลังจากปี 2008 เป็นต้นมา เลียม นีสันเป็นที่รู้สึกมากยิ่งขึ้นในวงกว้าง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า The Commuter นั้นเป็นผลงานที่เลียม นีสันทำงานร่วมกับผู้กำกับ โจเม่ คอลเลต-เซอร์ร่า เป็นครั้งที่ 4 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยร่วมงานกันมาแล้วใน Unknown, Non-Stop และ Run All Night
เรื่องราวของผู้โดยสาร
ไมเคิล (เลียม นีสัน) หนุ่มใหญ่ที่เดินทางไป-กลับบ้านและที่ทำงานทุกวันด้วยรถไฟจนเป็นกิจวัตร จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่ได้พบหญิงสาวแปลกหน้าผู้ลึกลับ ไมเคิลถูกบีบให้เปิดโปงตัวตนของผู้โดยสารคนหนึ่งก่อนที่จะถึงสถานีสุดท้าย เขาต้องแข่งกับเวลาเพื่อแก้ปริศนา ไม่นานเขาตระหนักได้ว่าเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนร้ายวินาศกรรมที่ต้องเอาชีวิตของเขาและผู้โดยสารอีกเป็นร้อยมาเดิมพัน
เมื่อหนังตั้งคำถามศีลธรรมกับคนดู
THE COMMUTER ถามคนดูว่า ถ้ามีคนขอให้คุณทำสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่มันทำให้คุณกังวลเกี่ยวกับผลที่ตามมาเพื่อแลกกับเงินจำนวนมาก คุณจะทำไหม นั่นคือคำถามปรัชญาที่ตัวละครหลักของเราต้องตอบ ไมเคิลคือชายวัย 60 กว่าที่เพิ่งโดนไล่ออก ไม่มีเงินเก็บ แถมยังมีหนี้ท่วมหัว เขาจะคิดถึงแต่ตัวเองหรือจะพิจารณาว่ามันจะเกิดผลอะไรตามมาบ้างถ้าเขาทำสิ่งที่ถูกขอให้ทำ นั่นคือคำถามที่เราอยากให้คนดูถามตัวเอง
หนังเดินเรื่องตามเวลาที่เกิดขึ้นจริง
โดยปกติแล้วหนังจะเล่าเรื่องด้วยการตัดสลับเวลา เพื่อกระชับเหตุการณ์ แต่หนังเรื่องนี้จะเล่าเรื่องราวตามเวลาจริง ตัวละครหลักจะตระหนักได้ว่าการกระทำของเขาเริ่มให้เกิดการระบุตัวคนที่เป็นกุญแจของแผนสมคบคิดครั้งนี้ ความตึงเครียดทวีคูณขึ้นทุกๆ สถานีที่รถไฟจอด เมื่อผู้โดยสารขึ้น-ลง และทิ้งเบาะแสชิ้นใหม่ไว้ให้เขา ความอันตรายมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเรื่องดำเนินไป และหนังได้กลายมาเป็นหนังเขย่าขวัญจิตวิทยาจังหวะรวดเร็วสะใจ ใกล้เคียงกับผลงานคลาสสิคของอัลเฟรด ฮิทช์ค็อกอย่าง Strangers on a Train หรือ North by Northwest
คนดูจะรู้เท่าที่ตัวละครรู้
นอกจากหนังจะเล่าเรื่องตามเวลาจริงแล้ว หนังยังเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านตัวละครหลักเท่านั้น ทำให้คนดูจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเท่ากับตัวละครในหนัง คนดูจะอยู่กับไมเคิลทุกฝีก้าว เราจะได้รู้ว่าครอบครัวเขากำลังตกอยู่ในอันตรายไปพร้อมกับเขา เราต้องการให้กล้องอยู่แต่ในรถไฟแต่บอกเป็นนัยว่าครอบครัวเขากำลังตกอยู่ในอันตรายโดยไม่ต้องให้เห็นภาพ มันเป็นสไตล์อีกอย่างหนึ่งของฮิทช์ค็อกซึ่งมันมีอิทธิพลกับงานภาพเพราะมันมีหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันในรถไฟ แค่เราเล่าเรื่องในนั้นก็พอแล้ว
กิจวัตรอันน่าเบื่อของไมเคิล
THE COMMUTER ซึ่งมีความหมายว่าผู้โดยสารไปกลับประจำ อันสามารถใช้นิยามตัวละครเอกของเรื่องอย่างไมเคิล และมันเป็นเหมือนความสามารถพิเศษของไมเคิล ตัวละครหลักของเราในเรื่อง เพราะตลอด 20 ปีมานี้เขาตื่น 6 โมงเช้าไปรอรถไฟที่ชานชาลาเดิมทุกเช้า นั่งรถไฟขบวนเดิมไปทำงานทุกวัน และอีก 12 ชั่วโมงต่อมาตอน 6 โมงเย็น เขาก็นั่งรถไฟขบวนเดิมนี้กลับบ้าน มันเป็นอะไรที่ปกติธรรมดามาก เป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจได้ โดยผู้กำกับจะต้องเล่ากิจวัตรนี้ภายในช่วงเวลาสั้นๆตอนเปิดเรื่องให้คนดูเข้าใจง่ายๆ
แค่นั้นมันยังไม่พอที่จะสื่อว่าการเดินทางมันน่าเบื่อ ผมเลยคิดไอเดียว่าจะเปิดเรื่องด้วยช็อตของแต่ละวันในสัปดาห์ ช็อตแรกเป็นวันจันทร์ ช็อตที่สองวันอังคาร ไล่ไปเรื่อยๆ เมื่อเอาทุกช็อตมาเรียงต่อกันสิ่งที่เปลี่ยนไปจะมีแค่แบ็คกราวด์ เสื้อผ้า อากาศ แต่พฤติกรรมของเขาในแต่ละช็อตจะเหมือนเดิมเพราะเขาทำสิ่งเดิมซ้ำๆทุกวัน ภาพที่ออกมามันเหมาะจะใช้เพื่อเปิดเรื่องเพราะมันมอบความรู้สึกให้คนดูได้รู้ในทันว่าพวกเขาร่วมเดินทางไปพร้อมกับไมเคิลซ้ำแล้วซ้ำเล่า สำหรับผมมันสำคัญที่จะเปิดเรื่องด้วยฉากที่ทำให้พวกเรารู้สึกเหมือนตีตั๋วขึ้นรถไฟไปกับไมเคิล
หญิงแปลกหน้าพร้อมข้อเสนอสุดล่อใจ
ตัวละครโจอันนา ได้นักแสดงอย่าง เวร่า ฟาร์มิกา ผู้หญิงแปลกหน้าที่ไมเคิลไม่เคยเห็นในรถไฟขบวนนี้มาก่อน ไมเคิลพยักหน้าทักทายเธอ เธอแนะนำตัวกับเขาว่าชื่อโจอันนาและยื่นข้อเสนอแปลกๆ ให้เขา เธอบอกว่าของของเธอถูกขโมยไปซึ่งมันซ่อนอยู่ในรถไฟขบวนนี้ เธอต้องการคนช่วยตามหามันกลับมา ถ้าเขาตกลงช่วย เขาจะได้ค่าตอบแทนอย่างงาม ตัวละครนี้อาจจะเป็นทั้งคนดี คนร้าย ในเวลาเดียวกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันสำคัญสำหรับผู้ชมมาก เมื่อไม่ทราบว่าตัวละครนี้อยู่ฝ่ายไหนกันแน่
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ