6 เหตุผลที่ THE SHAPE OF WATER จะเข้าทางหนังยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์

6 เหตุผลที่ THE SHAPE OF WATER จะเข้าทางหนังยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์

6 เหตุผลที่ THE SHAPE OF WATER จะเข้าทางหนังยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

มีคนกล่าวว่าโรงฉายหนัง THE SHAPE OF WATER ในประเทศไทยนั้น น้อยกว่าจำนวนสาขารางวัลที่หนังเรื่องนี้เข้าชิงรางวัลออสการ์ปีล่าสุดอีกต่างหาก (หนังชิงทั้งสิ้น 13 รางวัล) ส่วนโรงฉายบ้านเรานั้นเข้าแค่ 10 โรงเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าเศร้าใจของคนอยากจะดูหนังดีๆ แต่พอเดี๋ยวหนังได้รางวัลเยอะๆ หนังก็เข้าฉายเพิ่มเติมตามประสา โรงหนังบ้านเราตามเคย (ไม่ได้จิก ไม่ได้กัดเลยจ้า) มาดูกันดีกว่าว่าเหตุผลที่ทำไม THE SHAPE OF WATER จะเข้าทางหนังยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ ในปีนี้บ้าง

 

1.เป็นเรื่องราวความรักอันเป็นสากล

แม้ว่าบรรดาหนังรัก โรแมนติก มักจะโดนนักวิจารณ์ดูแคลนว่ามันเป็นสูตรหนังน้ำเน่าสุดซ้ำซาก บีบน้ำตาคนดูและว่าดูพล็อตอันแสนเฉิ่มเชย แต่เมื่อมันมีโครงสร้างที่ดี ตัวละครที่แข็งแรง และประเด็นของเรื่องราวที่น่าสนใจ หนังรักก็จะกลายเป็นหนังที่ทรงคุณค่าขึ้นมาทันที เช่นเดียวกับ THE SHAPE OF WATER ที่บอกเล่าเรื่องราวของอเมริกายุคสงครามเย็นช่วงปี 1962 ในห้องทดลองลับความปลอดภัยสูงของทางรัฐบาล เอไลซา (แซลลี ฮอวค์คินส์) ทำงานอยู่ที่นั่นและใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา แต่ชีวิตของเธอกลับพลิกผันไปโดยสิ้นเชิงเมื่อเธอและเพื่อนร่วมงาน เซลดา (อ็อกเทเวีย สเปนเซอร์) ได้ค้นพบการทดลองที่ถูกปิดเป็นความลับ และสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล

 

 

2.ว่าด้วยความดีและความชั่ว

การเล่าเรื่องราวครั้งนี้ของผู้กำกับกิลเลอร์โม เดล โตโร ใน THE SHAPE OF WATER ด้วยการผสมผสานความสงสารเห็นใจและความสนุกตื่นเต้นตามแบบฉบับหนังสัตว์ประหลาดคลาสสิกเข้ากับความหม่นมืดแบบฟิล์มนัวร์ จากนั้นก็หยอดความเร่าร้อนของเรื่องราวความรักที่ไม่เหมือนใคร เพื่อสำรวจแฟนตาซีที่เราทุกคนต่างนึกฝัน ความลึกลับที่เราไม่อาจควบคุมได้ และความแปลกประหลาดผิดเพี้ยนที่เราต้องเผชิญ อีกทั้งยังบอกเล่าถึงแนวคิดเรื่องความดีความชั่ว ความไร้เดียงสาและการคุกคามด้วย

 

 

 

3.ชื่อเสียงของผู้กำกับ

สาขาที่หนังน่าจะมีโอกาสคว้ารางวัลออสการ์มากที่สุด (และถ้าไม่พลิกกโผในนาทีสุดท้าย) กิลเลอร์โม เดล โตโร มีชื่อเสียงจากหนังภาษาสเปนสามเรื่องที่นำขนบของหนังมาพลิกกลับและสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ อันได้แก่ หนังที่ชนะรางวัลออสการ์หลายรางวัล PAN’S LABYRINTH, CRONOS และ THE DEVIL’S BACKBONE แต่ละเรื่องเป็นภาพฝันอันแจ่มชัดที่เดินทางผ่านความเลวร้ายทางศีลธรรมและสถานการณ์อันตรายในโลกของการคดโกง อำนาจนิยม และสงคราม หนังแอ็คชั่นเหนือธรรมชาติของเขานั้นก็สร้างสรรค์ไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น BLADE II, หนังในซีรีส์ HELLBOY และ PACIFIC RIM รวมถึงหนังโกธิกโรมานซ์อย่าง CRIMSON PEAK เขาเป็นคนหนึ่งที่มีสไตล์ในการทำงานอันโดดเด่นและน่าจับตามองเป็นอย่างมาก ณ ตอนนี้

 

 

4.ฉากหลังและชั่วเวลา สะท้อนความเป็นอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากหนังจะพาคนดูไปสำรวจแนวคิดเรื่องความรักและอุปสรรคของความรักทั้งภายในและภายนอก ในรูปแบบของเทพนิยายซึ่งคุณจะได้เห็นมนุษย์ธรรมดาสามัญบังเอิญไปพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ยากหยั่งถึงยิ่งกว่าสิ่งใดๆ คงเป็นเรื่องที่น่าสนใจถ้าเรานำความรักนั้นมาวางเทียบกับสิ่งที่เลวร้ายน่าเบื่อหน่ายอย่างความเกลียดชังระหว่างประเทศซึ่งก็คือสงครามเย็น และความเกลียดชังระหว่างผู้คนอันเกิดจากเชื้อชาติ สีผิว ความสามารถ และเพศ

 

 

 

5.สัตว์ประหลาดก็มีหัวใจ

สัตว์ประหลาดในหนังแทบทุกเรื่อง มีบางสิ่งที่ปลุกเร้าและเชื่อมโยงกับส่วนลึกของคนเราได้อย่างน่าแปลกใจ พวกเขาถูกรังแกโดยฝูงชนถืออาวุธ เพียงเพราะพวกเขาแตกต่างจากคนอื่นและถูกบังคับให้ต้องหลบมุมอยู่ตามลำพังที่ชายขอบของสังคมในปราสาทอันห่างไกล ในป่า หรือในแม่น้ำ ทั้งหมดล้วนอยู่ในสภาวะเปลี่ยนผ่าน ครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์ อีกครึ่งหนึ่งเป็นอย่างอื่น ทุกคนที่รู้สึกถูกตัดขาดจากสังคมจะเข้าใจสภาวะแบบนี้ดี แต่ที่น่าทึ่งที่สุดคือพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งอ่อนไหวต่อสิ่งเร้าและไร้อำนาจที่จะต่อกรกับความต้องการอันไร้ที่สิ้นสุดของร่างกายและความคิดจิตใจของตนเอง ท้ายที่สุดแล้วมันชี้ชวนให้คนตั้งคำถามว่า ตกลงแล้วเราจำแนกสัตว์ประหลาดออกจากมนุษย์เพียงแค่รูปลักษณ์หรือจิตใจกันแน่

 

 

6.หนังรวมนักแสดงระดับท็อปฟอร์มไว้ครบครัน

แม้ว่านักแสดงเหล่านี้จะโด่งดังสู้คริส อีแวนส์ หรือคริส เฮมเวิร์ธไม่ได้ แต่บรรดาคอหนังรางวัล คงไม่มีใครไม่รู้จักพวกเขาไม่ว่าจะเป็น แซลลี ฮอว์คคินส์ นางเอกของเรื่องผู้เป็นใบ้เพราะความบอบช้ำทางจิตใจในวัยเด็ก เอไลซาสื่อสารโดยใช้ภาษามือแบบอเมริกัน (ASL) แต่เธอสามารถแสดงความรู้สึกได้อย่างพรั่งพรูเมื่อเธอพบสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดในน้ำที่ถูกเก็บไว้ในห้องทดลองของรัฐบาลที่เธอทำงานเป็นภารโรง

 

 

 

ตัวร้ายของเรื่องอย่างริชาร์ด สตริคแลนด์ เจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้เด็ดเดี่ยว เด็ดขาด และทะเยอทะยาน ผู้มองว่าผลงานการล่าอันไม่ธรรมดาครั้งนี้ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าสัตว์ร้ายที่ควรถูกปราบให้ราบคาบ และเป็นหนทางที่จะช่วยให้เขาได้เลื่อนตำแหน่ง ซึ่งได้ไมเคิล แชนนอน มารับบทนี้

 

 

เพื่อนสนิทของนางเอก เซลดา ภารโรงหญิงผิวสี รุ่นเก่าของห้องทดลองที่ไม่เพียงเข้าใจภาษาของเอไลซาแต่ยังพูดจาซุบซิบ แลกเปลี่ยนความเห็น และร่วมมือร่วมใจกับเธอด้วย นักแสดงที่มารับบทผู้สมรู้ร่วมคิดในแผนการของเอไลซาก็คืออ็อคเทเวีย สเปนเซอร์ ผู้ชนะรางวัลออสการ์จากบทสมทบใน THE HELP

 

 

 

ผู้มารับบทบาทตรงชายขอบระหว่างมนุษย์ สัตว์ และตำนานคือดั๊ก โจนส์ สัตว์ประหลาดจากท้องทะเล เขาทำงานร่วมกับเดล โตโรเพื่อถ่ายทอดบทสัตว์ประหลาดมาหลายต่อหลายครั้ง เขาเล่นเป็นเพลแมนใน PAN’S LABYRINTH, เอบ เซเปียน ในซีรีส์ HELLBOY และแวมไพร์โบราณใน “The Strain” ในครั้งนี้ทำให้เขาได้แสดงอารมณ์ยากๆผ่านชุดสัตว์ประหลาดอีกครั้ง

 

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ ของ 6 เหตุผลที่ THE SHAPE OF WATER จะเข้าทางหนังยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook