ถึงร้ายก็รัก "ไมเคิล บี จอร์แดน" หนุ่มผิวสีที่มาแรงที่สุดนาทีนี้ "Black Panther"
ณ วินาทีนี้หนังที่มาแรงแบบฉุดกันไม่คงหนีไม่พ้นหนังจากค่ายมาร์เวลอย่าง Black Panther ที่รวมทีมบรรดานักแสดงผิวสีหน้าใหม่ไฟแรง และหน้าเก่าฝีมือเก๋าเกมเอาไว้อย่างครบครัน นอกจากใบหน้าอันหล่อเหลาของแชดวิค โบสแมน ผู้รับบททีชาล่า หรือ แบล็ค แพนเธอร์ แต่อีกคนหนึ่งที่เราอาจจะกล่าวว่า ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวขึ้นบนจอ เสน่ห์และออร่าดาราของเขากลับแผ่ซ่านกลบนักแสดงทุกคนมิด คนๆนั้นก็คือไมเคิล บี. จอร์แดน หรือ คิลมองเกอร์นั่นเอง
ไมเคิล บี. จอร์แดน
ไมเคิล บี. จอร์แดน ผู้รับบทอีริค คิลมองเกอร์เป็นศัตรูใหม่ของวาคานด้า ผู้หมายตาบัลลังก์เอาไว้ ด้วยทักษะกลยุทธที่อันตรายและความรู้เกี่ยวกับวาคานด้า เขาจึงเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับแบล็ค แพนเธอร์
อันที่จริงนี่ไม่ใช่การทำงานครั้งแรกระหว่างไมเคิลและผู้กำกับไรอัน คูเกลอร์ หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาใน “Creed” และ “Fruitvale Station” เมื่อไมเคิล ได้รับการทาบทามให้มารับบทคิลมองเกอร์ ซึ่งเป็นบทบาทที่มืดหม่นและไม่ธรรมดาสำหรับนักแสดงหนุ่ม จอร์แดนก็เลยตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
จอร์แดนเตรียมใจพร้อมอยู่แล้วตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาได้ยินว่ามาร์เวล สตูดิโอส์กำลังพัฒนาโปรเจ็กต์ “Black Panther” จอร์แดน ผู้เป็นแฟนหนังสือการ์ตูนตัวยงอยู่แล้ว ไม่สามารถบอกปัดโอกาสในการทำงานภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ “การได้รู้จักโลกมาร์เวลในช่วงเริ่มแรกของผมค่อนข้างจะเข้มข้นทีเดียวครับ” จอร์แดนให้ความเห็น “ผมโตมากับมาร์เวลและหนังสือการ์ตูน ผมเป็นแฟนพวกเขาครับ”
ตอนแรกจริงๆไมเคิลอยากจะเล่นเป็นแบล็ค แพนเธอร์ด้วยซ้ำ เพราะเขาเป็นแฟนการ์ตูนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร “แบล็ค แพนเธอร์เป็นตัวละครที่ผมเทิดทูนและชื่นชมมาตลอดชีวิต ดังนั้น มันก็เลยน่าทึ่งทีเดียวที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนี้ฉบับจอเงิน” เขากล่าว
จอร์แดนจะเป็นคู่ต่อกรที่ร้ายกาจสำหรับโบสแมน ในฐานะศัตรูคนใหม่ของวาคานด้า ความต้องการบัลลังก์ของคิลมองเกอร์จะก่อให้เกิดความตึงเครียดระหว่างชายทั้งคู่ ที่เป็นการปูพื้นไปสู่ปมอารมณ์สำคัญของ “Black Panther” คิลมองเกอร์คิดว่าเขาเป็นคนดี ซึ่งเป็นวายร้ายแบบที่ยอดเยี่ยมที่สุด วายร้ายที่เชื่อในสิ่งที่พวกเขาทำจริงๆ ไมเคิลมีเสน่ห์ภายนอกมากกว่า ซึ่งเป็นประโยชน์เสมอในการรับบทตัวร้าย แต่แม้กระทั่งตอนที่เขาทำตัวดุดัน เขาก็ยังเป็นที่ชื่นชอบ ยังมีเสน่ห์ที่เขาใส่เข้าไปได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจมาก และเป็นสิ่งที่คนดูทุกคนก็แทบจะเห็นพ้องต้องกัน
จอร์แดนพูดถึงคิลมองเกอร์ว่า “เขาก้าวไปไกลกว่าคนอื่นสิบก้าวเสมอ เขาเป็นคนอดทนมากๆ นั่นเป็นคุณสมบัติที่อันตรายมากๆ สำหรับวายร้าย เพราะเขาจะนั่งคอย จะวางแผนการและคำนวณทุกการเคลื่อนไหว ผมมองตัวเองว่าเป็นคนหัวคิดก้าวหน้า ผมชอบการเล่นหมากรุกและคำนวณถึงหมากหลายๆ ตาต่อไป ดังนั้น มันก็เลยเป็นสิ่งที่ผมเหมือนกับเขาครับ”
หากเรามองย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไมเคิล นั้นเคยแสดงหนังจอเงินครั้งแรกเมื่อปี 2001 ในเรื่อง Hardball ร่วมกับคีอานู รีฟฟ์ ในบทบาทของจาเมล ซึ่งตอนนั้นเขายังเป็นเด็กประถมอยู่เลยด้วยซ้ำ แต่นั่นก็เป็นการกรุยทางสำหรับอาชีพการแสดงที่ดี หลังจากนั้นไมเคิลได้มีโอกาสแสดงซีรีส์มากมายหลายเรื่องอาทิ The Wire, All My Children, The Assistants , Friday Night Lights, Parenthood
กระทั่งในปี 2012 เขาได้ร่วมแสดงหนังเรื่อง Red Tails ที่สร้างขึ้นจากเหตุการณ์จริงตามประวัติศาสตร์ของฝูงบินรบที่เป็นคนแอฟริกัน อเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผลงานการกำกับของแอนโธนี่ เฮมมิ่งเวย์
ในปีเดียวกันเขายังได้แสดงหนังไซไฟ ทริลเลอร์อย่าง Chronicle ที่ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบฟาว์น ฟุตเทจที่ว่าด้วยเพื่อนสนิทในวัยไฮสคูลไปค้นพบอุกาบาตและได้รับพลังพิเศษเปลี่ยนให้เขากลายเป็นยอดมนุษย์ แม้ว่าบทของไมเคิลจะไม่ใช่ตัวเด่น แต่เขาก็ขโมยซีนได้ไม่น้อยเลย
ในปี 2013 Fruitvale Station หนังที่ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของออสการ์ แกรนท์ที่ 3 ว่าด้วยช่วงอายุ 22 ปี เด็กหนุ่มผิวสีที่มีความเกี่ยวโยงกับเรื่องการค้นหาตัวตนในวัยรุ่น อาชญากรรม จนเขาเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในปี 2008 หนังเรื่องไมเคิบ บี จอร์แดนได้รับคำชื่นชมอย่างเกรียวกราว อีกทั้งนี่ยังเป็นผลงานเรื่องแรกที่เขาได้ร่วมงานกับไรอัน คูเกลอร์
ปี 2015 ไมเคิล มีโอกาสกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับจอร์จ แทรงค์อีกครั้งใน Fantastic Four การรีเมคครั้งหายนะที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์หนังซูเปอร์ฮีโร่ ที่โดนถล่มยับเยินจากคนดูและนักวิจารณ์ ถึงความ “ไม่สนุก” ของหนัง และนี่เป็นหนังที่มีกระแสดราม่าตามออกมาอย่างหนักหน่วงหลังจากที่หนังเข้าฉาย โดยไมเคิล รับบทเป็นจอห์นนี่ สตอร์มผู้สามารถปล่อยไฟได้นั่นเอง
ขณะที่ปี 2015 เขาอาจจะมีหนังแย่ๆอย่าง Fantastic Four แต่การที่เขาได้กลับมาแสดงหนังภายใต้การกำกับของไรอัน คูเกลอร์ ใน Creed ที่หยิบเอาตัวละครอย่างร็อคกี้ บัลโบ (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) มาเป็นโค้ชมวยให้กับอโดนิส จอห์นสัน (ไมเคิล บี จอร์แดน) จนหนังเรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมอย่างเกรียวกราวในแง่ของการแสดง (ซิลเวสเตอร์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสมทบชายยอดเยี่ยม) ส่วนไมเคิล ได้รับรางวัลจากเวทีต่างๆในสาขานักแสดงนำชาย
หลังจาก Black Panther ไมเคิลจะมีหนังที่รอต่อคิวเข้าฉายหลายเรื่องเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น Wrong Answer หนังชีวิตครูสอนคณิตศาสตร์ ซึ่งกำกับโดยไรอัน คูเกลอร์ (อีกแล้ว) และ Creed II ภาคต่อซึ่งคราวนี้เปลี่ยนผู้กำกับเป็นสตีเว่น เคเปิ้ล จูเนียร์
อย่าลืมติดตามผลงานของหนุ่มหล่อคนนี้ต่อไปก็แล้วกัน
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ