รีวิว THE HURRICANE HEIST ความใหม่ที่ไม่ใหม่นัก
หนังประเภทปล้นธนาคาร จะมีสูตรสำเร็จในการเดินเรื่องที่ค่อนข้างตายตัว ส่วนมากแล้วถ้าหากหนังไม่เลือกให้คนดูกลายเป็น “ผู้สมรู้ร่วมคิด” ไปกับบรรดาโจร หนังก็จะเลือกให้คนดูต้องเอาใจช่วยฝ่ายตัวดี ซึ่งอาจจะเป็นตำรวจหรือผู้อารักขาเงินนั่นเอง สำหรับ THE HURRICANE HEIST หนังโฟกัสไปที่วิล (โทบี้ แคปเบล) นักอุตุนิยมวิทยา และ เคซีย์(แม็กกี้ เกรซ) เจ้าหน้าที่กองคลังสาวสวย สองตัวละครผู้พยายามเอาชีวิตรอดท่ามกลางพายุเฮอร์ริเคนระดับ 5 ที่กำลังโจมตีเมือง แต่แล้วพวกเขาก็ต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ที่มีกลุ่มโจรที่วางแผนโจรกรรมโรงกษาปณ์แห่งอเมริกา เพื่อหวังชิงเงินสดกว่า 600 ล้านเหรียญฯ ที่กำลังจะถูกทำลาย แต่บังเอิญน้องชายของวิลถูกจับไปเป็นตัวประกัน เพราะกลุ่มโจรต้องการรหัสเปิดตู้เซฟจากเคซีย์
หนังเรื่องนี้กลายเป็นส่วนผสมระหว่างหนังภัยพิบัติและหนังโจรกรรม เมื่อวิเคราะห์เจาะลงไปถึงบรรดาตัวละคร เราจะได้เห็นว่าวิลและน้องชายของเขานั้น ผ่านจุดเลวร้ายของชีวิตในช่วงเวลาเด็กมาแล้ว เมื่อทั้งสองต้องสูญเสียพ่อของตัวเองไปในเหตุการณ์พายุเฮอร์ริเคนพัดถล่มเมือง ที่อลาบาม่าในฤดูร้อนปี 1992
ชีวิตวัยเด็กที่น่ารันทด หนังแสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์ปัจจุบันที่วิล ได้เติบโตขึ้นมาและกลายเป็นนักอุตุนิยมวิทยา การเดินทางกลับมายังบ้านเกิดทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับอดีต สายสัมพันธ์อันกระท่อนกระแท่นระหว่างวิลกับน้องชายอย่างบรีซ (ไรอัน ควานเทน) ถูกจับไปเป็นตัวประกัน
จะเห็นได้ปมประเด็นแห่งความวุ่นวายทั้งหมดนั้น เกิดจากการที่กลุ่มโจรต้องการใช้ช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายในการฉกฉวยผลประโยชน์ เมื่อผู้คนอพยพออกไปจนทำให้เมืองร้าง แต่สิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมก็คือ “ธรรมชาติ” ที่บันดาลพายุในระดับอันตรายสูงสุดมาให้เป็นสิ่งตอบแทน แผนการปล้นง่ายๆจึงกลายเป็นความยากเย็นกว่าเดิม และทุกอย่างก็ยากขึ้นไปอีกเมื่อรหัสลับของตู้เซฟถูกเปลี่ยน
ถึงแม้ว่าตัวหนังจะเป็นผลงานการกำกับของ “ร๊อบ โคเฮน” ผู้กำกับที่เคยเริ่มต้นจุดกำเนิดอย่าง Fast and the Furious มาไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่วิธีการกำกับภาพยนตร์ของเขาก็ยังประสบปัญหา “สนุกน้อย” กว่าที่ควรจะเป็น พล็อตเรื่องของหนังไม่มีอะไรเหนือการคาดเดา ทุกอย่างเดินเรื่องไปตามสูตรสำเร็จทุกประการแบบไม่มีอะไรพลิกแพลง แถมสเปเชียลเอฟเฟคของหนังก็จัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง สามารถเล่าเรื่องสื่อสารกับคนดูได้ แต่ดูไม่สมจริงนัก เหมือนนักแสดงเล่นกันอยู่บนกรีนสกรีนเพราะฉากหลังลอยมาก
สิ่งที่รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีอะไรที่เก๋ไก๋อยู่บ้างคือการใช้ตัวละครหญิงอย่างเคซีย์ ก้าวขึ้นมาเป็นตัวละครเอกเคียงคู่กับวิล โดยที่เธอใช้ทักษะในการต่อสู้และใช้มันสมองเทียบเท่ากับตัวละครผู้ชายตัวอื่นในเรื่อง ทำให้เราเห็นว่า “ผู้หญิง” ในหนังแอ็คชั่นยุคปัจจุบันก็ไม่ได้ด้อยหรือเป็น “ช้างเท้าหลัง” อยู่ตลอดเวลานั่นเอง