Cate Blancett นำทัพนักแสดง-ผู้กำกับหญิง 82 คนเดินพรมแดงคานส์ 2018

อาจถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาอันทรงพลัง และการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความเท่าเทียมกันทางเพศในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ครั้งสำคัญ ภายในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2018 เมื่อ เคต แบลนเชตต์ (Cate Blanchett) ประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัลในปีนี้ นำทีมนักแสดง ผู้บริหาร และคณะกรรมการเพศหญิงที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเทศกาลปีนี้จำนวน 82 คน รวมกลุ่มเดินบนพรมแดงหน้า Palais des Festivals et des Congrès ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประจำทุกปี

การรวมพลังของเพศหญิงในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีล่าสุด

โดยตัวเลข 82 นั้นสื่อถึงจำนวนของผู้กำกับหญิงที่เคยมาเดินบนพรมแดงเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ นับตั้งแต่ครั้งแรกที่มีการจัดขึ้นในปี 1946 ว่ามีเพียง 82 คนเท่านั้น ในขณะที่จำนวนผู้กำกับชายที่เคยมาร่วมงานพรมแดงเดียวกันนี้ กลับมีจำนวนถึง 1,688 คน และตลอด 71 ปีของการมอบรางวัลเทศกาลหนังเมืองคานส์ มีผู้หญิงที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัลเพียง 12 คนเท่านั้น ส่วนผู้หญิงที่เคยได้รับรางวัลสูงสุด Palme d’Or หรือปาล์มทองคำนั้น ก็เป็นผู้ชายมากจนจำไม่หวาดไม่ไหวถึง 71 คน ขณะที่ผู้หญิงกลับมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่เคยได้รางวัลนี้ คือ เจน แคมเปียน (Jane Campion) และ อาเญส วาร์ดา (Agnès Varda) ซึ่งคนหลังก็ได้มาปรากฏตัวเป็นตัวแทนผู้หญิง 82 คนของวันนี้ด้วย รวมไปถึง คริสเตน สจ๊วร์ต, มาริยง โกติยาร์ด, ซัลม่า ฮาเย็ค, แพตตี้ เจนกินส์ เป็นต้น

(ที่ 2 จากซ้าย) อาเญส วาร์ดา หนึ่งในผู้กำกับหญิงที่เคยคว้ารางวัลปาล์มทองคำ

โดย เคต แบลนเชตต์ และ อาเญส วาร์ดา ได้กล่าวถ้อยคำที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงว่า “เป็นข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผู้หญิงไม่ใช่ชนกลุ่มน้อย แต่ในโลกอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้ว ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น ในฐานะผู้หญิง เราทุกคนต่างต้องเผชิญความท้าทายเนื่องจากลักษณะเฉพาะของเรา แต่วันนี้ เรามายืนด้วยกันบนบันไดแห่งนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความแน่วแน่ และความมุ่งมั่นของเราที่จะก้าวต่อไป พวกเรามีทั้งนักเขียน ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับ นักแสดง ผู้กำกับภาพ เอเจนต์ ตัวแทนจำหน่าย คนตัดต่อ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับศิลปะภาพยนตร์ทุกแขนง เราขอยืนหยัดเป็นใจเดียวกัน ร่วมกับผู้หญิงในอุตสาหกรรมอื่นๆ ทุกประเภท”

จากนั้นทั้งคู่ก็ได้อ่านเอกสารข้อเรียกร้องถึงวงการภาพยนตร์ว่า “เราคาดหวังว่าสถาบันของเราจะให้ความเท่าเทียมและความโปร่งใสในการบริหารองค์กร รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการทำงานด้วย เราหวังว่ารัฐบาลจะดูแลเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการจ่ายค่าจ้างอย่างเท่าเทียม เราจะเรียกร้องให้ที่ทำงานทุกแห่งมีทั้งความหลากหลายและเท่าเทียม เพราะนั่นคือสิ่งสะท้อนถึงโลกที่เราทุกคนสามารถอาศัยอยู่ร่วมกัน โลกที่อนุญาตให้ผู้หญิง ทั้งหลังกล้องและหน้ากล้องได้เติบโตเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเพื่อนร่วมงานชายทั้งหลาย เราขอบคุณทุกคนทั้งหญิงและชายที่ยืนหยัดเพื่อการเปลี่ยนแปลง บันไดแห่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์แห่งนี้ ควรจะเปิดกว้างสำหรับทุกคน ให้เราขึ้นไปด้วยกันเถอะ”

โดยการรวมพลังของเพศหญิงเพื่อสื่อถึงความต้องการให้มีความเท่าเทียมในวงการภาพยนตร์ครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนช่วงเวลาฉายรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่อง Girls of the Sun ของผู้กำกับ อีวา ฮัสสัน (Eva Husson) ผู้กำกับหญิงเพียงหนึ่งเดียวในปีนี้ที่หนังของเธอได้รับคัดเลือกให้เข้าฉายในสายประกวด

อีวา ฮัสสัน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Girl of the Sun

นอกจากบนบันไดพรมแดงแล้ว บรรยากาศด้านในในงานกาล่ารอบปฐมทัศน์ก็ยังคงร้อนแรงไม่แพ้กัน เมื่อดีเจในงานเปิดเพลง Run the World (Girls) ของ Beyoncé เป็นการต้อนรับผู้กำกับอย่าง อีวา ฮัสสัน และนักแสดงนำหญิงในภาพยนตร์ Girls of the Sun และเมื่อพวกเธอเดินเข้าไปภายใน Palais ฝูงชนในพื้นที่ความจุ 2,300 คน ต่างก็ลุกขึ้นยืนปรบมือต้อนรับก่อนการเริ่มฉายหนังด้วย

สำหรับในแวดวงภาพยนตร์นั้น กระแสความเท่าเทียม ถือว่ากำลังได้รับความสนใจเป็นพิเศษ อย่างในฝรั่งเศสเอง ก็มีการเคลื่อนไหวที่ชื่อว่า 5050×2020 (โครงการเริ่มต้นในฮอลลีวู้ด แต่ได้รับการตอบรับอย่างมากในฝรั่งเศส) เพื่อเรียกร้องเรื่องความเท่าเทียมทางเพศในอุตสาหกรรมภาพยนตร์

โดยโครงการ 5050×2020 ในฝรั่งเศสนี้ เรียกร้องให้จัดการ ฮาร์วีย์ ไวน์สไตน์ (Harvey Weinstein) โปรดิวเซอร์ที่มีข่าวลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศนักแสดงหญิงหลายคน รวมถึงให้การสนับสนุนแคมเปญ Time's Up และ #MeToo สองการเคลื่อนไหวระดับโลกที่เรียกร้องความเท่าเทียม และยุติการคุกคามทางเพศ โดยในเว็บไซต์ของโครงการได้กล่าวว่า “แม้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ฝรั่งเศส จะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีของ ฮาร์วี่ย์ ไวน์สไตน์ แต่เป็นสิ่งสำคัญที่เราจะลงมืออย่างเป็นรูปธรรมเพื่อก้าวไปไกลกว่าแค่เรื่องล่วงละเมิดทางเพศเพียงอย่างเดียว แต่เราเชื่อว่า จำเป็นต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องการกระจายอำนาจด้วย... เพราะเรามั่นใจว่า ความการกระจายอำนาจอย่างเสมอภาคจะทำให้เกิดความสร้างสรรค์ที่แท้จริง”  โดยเลข 5050 นั้นสื่อถึงความเท่าเทียม และปีที่อยากให้สำเร็จก็คือ ปี 2020 ที่จะถึงนี้