รีวิว “Tully” ฉากชีวิตของผู้หญิงที่ทุกคนบนโลกเรียกว่า…แม่
"แม่ก็คือแม่" คำพูดฮิตติดปากคำนี้ น่าเป็นคำสั้นๆ ที่เหมาะสมกับการมาขยายความได้ดีในผลงานการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งระหว่าง "ชาร์ลิส เธียรอน" และผู้กำกับฝีมือดี "เจสัน ไรท์แมน" จาก Juno เพราะด้วยสไตล์และเอกลักษณ์บางอย่าง เหมือนมีมนตร์สะกดปลุกชีวิตอันแสนยุ่งเหยิงของคุณแม่ให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้
หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาใน "Young Adult" คราวนี้พวกเขาก็กลับมาเจอกันใน "Tully" ที่เล่าถึงเรื่องราวชีวิตของ มาร์โล (ชาร์ลิส เธียรอน) คุณแม่ลูก 2 ที่แสนจะวุ่นวายไปวันๆ เวลานั่งเวลานอนแทบจะไม่มี และเมื่อถึงเวลาต้องรับมือกับลูกคนที่ 3 ที่เพิ่งคลอดออกมา เธอจึงตัดสินใจจ้าง ทัลลี่ (แมคเคนซีย์ เดวิส) มาเป็นพี่เลี้ยงยามดึก การเข้ามาของพี่เลี้ยงคนนี้ทำให้คุณแม่ได้มีเวลาได้ทบทวนตัวเองอีกครั้ง
ความรู้สึกแรกที่มีต่อหนังเรื่องนี้ ได้กลิ่นอายของความเป็นหนังแฟนตาซีโชยมาเบาๆ แต่แท้ที่จริงนี่คือหนังชีวิตที่เกี่ยวกับแม่ แม่ทุกประเภท และผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ทุกคนบนโลก ฝีมืองานกำกับของ เจสัน ไรท์แมน ยังคงรักษามาตรฐานเอาไว้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเสน่ห์ของการเล่าเรื่องที่เหมือนหลอกคนดูแสร้งว่าไม่มีอะไร แต่ก็ขมวดและคลายปมได้อย่างน่าทึ่ง
การมาของตัวละคร ทัลลี่ ชวนให้นึกถึงตัวละครพี่เลี้ยงชื่อดัง "แมรี่ ป๊อปปินส์" เธอเหมือนเป็นนางฟ้าที่ปรากฏตัวมาเป็นเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและช่วยรับภาระทุกๆ อย่างเอาไว้ แม้จะเต็มไปด้วยความลึกลับมากมายที่ชวนสงสัยก็ตาม
ชาร์ลิส เธียรอน ได้มอบการแสดงที่ไม่ทำให้ผิดหวัง บทบาทคุณแม่ลูก 3 คนที่ชีวิตมีแต่ภาระครอบครัว โทรม เหนื่อย และซึมเศร้า หรือแม้กระทั่งต้องเพิ่มน้ำหนักหลายสิบกิโลกรัมเพื่อรับบทนี้ แม้จะเป็นเพียงบทบาทเล็กๆ แต่เธอก็สามารถแบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่องได้อย่างสบายๆ
ขณะที่ แมคเคนซีย์ เดวิส ที่โปรยเสน่ห์ที่น่าค้นหา หวานอ่อนหน้าเด็ก และมักจะทิ้งเอาไว้ด้วยปริศนาของชีวิตทุกครั้งที่ปรากฏตัว แม้ว่าจะเป็นบทบาทที่ไม่ได้ยากท้าทายมากนัก แต่เธอก็สามารถทำให้คนดูอินกับตัวละครนี้เป็นอย่างมาก
บทภาพยนตร์ของเรื่องนี้คือชัยชนะที่สำคัญ เป็นที่น่ายินดีที่ได้นักเขียนหญิง "ไดอาโบล โคดี้" กลับมาทำหน้าที่ที่คุ้นเคยอีกครั้ง การจะเล่าเรื่องของแม่ ก็คงจะต้องยกหน้าที่ให้กับผู้หญิงที่เป็นแม่ จึงจะสามารถเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้ดีกว่าเป็นไหน
หนังเรื่องนี้ไม่ได้สร้างขึ้นให้เฉพาะ "แม่" ได้ดูเพียงเท่านั้น ความเฉลียวฉลาดของตัวหนัง ไม่ว่าจะพ่อหรือลูก หรือใครก็ตามก็สมควรจะดูเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่แอบซ่อนเอาไว้ในหนังเรื่องนี้ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในบางสิ่งบางอย่างที่ทุกชีวิตและทุกคน หนังยังซ่อนไว้ด้วยการให้กำลังใจชุดใหญ่ อีกทั้งยังเตือนสติคนได้ว่า...ทุกวันนี้เรากำลังทำอะไรอยู่
ถึงแม้ว่า Tully จะไม่ใช่หนังดราม่าดีเลิศเล่อระดับรางวัลมากนัก แต่ก็คือหนังที่ถ่ายทอดออกมาให้เห็นถึงฉากของชีวิต เคยหัวเราะและร้องไห้ ผ่านการเล่าเรื่องผ่านตัวละครที่เป็นคุณแม่ หนังเรื่องนี้มีดีกว่าในตัวอย่างหนังที่เห็น เพราะเมื่อถึงตอนจบของหนัง อาจทำให้เราฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หรือแม้กระทั่งอยากจะรีบกลับบ้านไปกอดแม่...หรือคนที่เรารักเลยทีเดียว