DYNASTY ว่าด้วยซีรีส์ที่เผ็ดกว่าพริกกะเหรี่ยง

ถ้าคุณเป็นคนชื่นชอบซีรีส์ดราม่า วาด้วยการชิงรักหักสวาท ฆาตกรรมและมีเรื่องราวของผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง DYNASTY จะเป็นซีรีส์ที่ทำให้คุณต้องเตรียมอดหลับอดนอนเรื่องล่าสุดได้เลย เพราะตัวละครในเรื่องนี้แซ่บมาตั้งแต่ตอนแรก ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวเจ้าของธุรกิจพันล้านที่ชอบไปเล่นจ้ำจี้กับคนขับรถผิวสีหุ่นแซ่บ เมียใหม่ที่เป็นอดีตฝ่ายประชาสัมพันธ์ขององค์กรที่ไม่รู้บังเอิญพรหมลิขิต หรือว่าใช้เต้าไต่ตำแหน่ง เอ๊ะหรือว่าเตียงไต่จนได้ผัวใหม่เป็นซีอีโอ นี่แค่ตัวอย่างเท่านั้นนะคู้ณ!

 

 

ความเผ็ดครั้งนี้มีที่มา

 

DYNASTY เคยเป็นซีรีส์ที่สร้างขึ้นในปี 1980 ซึ่งประสบความสำเร็จและมีฐานผู้ชมอย่างเหนี่ยวแน่น ทำให้โชว์นี้ออกอากาศอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1981 จนถึงปี 1989 มีทั้งสิ้น 9 ซีซั่น มีนักแสดงอย่างจอห์น ฟอร์ไซท์ ลินดา อีแวนส์และโจนส์ คอลลินส์ และผลงานต้นฉบับนั้นยังเคยได้รับรางวัล Best Television Series – Drama บนเวทีลูกโลกทองคำในปี 1984 อีกด้วย

 

การรีเมคซีรีส์เรื่องนี้เป็นการพัฒนาของช่อง The CW ซึ่งได้รับการเขียนบทโดยจอห์น ชวาร์ท สเตฟานี่ ซาเวจและซัลลี่ แพททริก ซึ่งทีมเขียนบทชุดใหม่ก็ทำการบ้านอย่างหนักด้วยการไปพบปะกับ ริชาร์ดและเอสเธอร์ ชาร์พิโร่ผู้สร้าง DYNASTY ในเวอร์ชั่นต้นฉบับจนท้ายที่สุดแล้วทั้งสองก็ตกลงรับหน้าที่ในการกลับมาเป็นโปรดิวเซอร์ในเวอร์ชั่นรีบูต

 

 

ในเวอร์ชั่นรีบูตมีการปรับเปลี่ยนฉากหลังของซีรีส์จากเดิม โดยย้ายเมืองจากเดนเวอร์ รัฐโคโรลาโด้มาเป็นแอตแลนต้า รัฐจอร์เจียแทน และปรับบทตัวละครอย่างสตีเว่นให้กลายเป็นเพศทางเลือก (เกย์) และปรับบทตัวละครแซมมี่ ที่ดั้งเดิมเป็นผู้หญิงที่หวังจะมา “ขุดทอง” กับตระกูลแคร์ริงตันเป็น แซม ตัวละครเกย์สุดแซ่บแทน!

 

ท้ายที่สุดแล้ว Dynasty ก็ได้ฤกษ์ฉายตอนแรกทางช่อง The CW เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ปี 2017 และทางช่องสตรีมมิ่งอย่าง Netflix กลายเป็นตัวแทนในการนำซีรีส์เรื่องนี้ไปจัดฉายในวงกว้างทางช่องของตัวเอง แม้ว่าคำวิจารณ์ในอเมริกานั้นจะอยู่ครึ่งๆกลางๆและก้ำกึ่ง  นักวิจารณ์ที่ชอบก็จะชอบไปเลย ในส่วนที่ไม่ชอบจะบอกว่าค่อนข้างเกลียด เวอร์ชั่นรีเมคเพราะทำให้มนต์ขลังของงานต้นฉบับหายไปจนเกลี้ยง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่คนดูจะไม่ชอบ โดยเฉพาะคนดูบ้านเรา!

 

 

ทำไมคนบ้านเราถึงจะติดซีรีส์เรื่องนี้

 

โอ้ยตายแล้ว เป็นคำถามที่จัดได้ว่าเบสิคมากๆ อย่าลืมนะครับว่าตลาดละครบ้านเราชอบความจัดจ้าน ความดราม่า และความสุดโต่ง ไม่อย่างนั้นรายการอย่าง The Face Thailand จะดังเป็นพลุแตก หรือละครที่มีตัวละครคาแรกเตอร์ที่มีความจัดจ้านและโดดเด่นอย่างบุพเพสันนิวาส จะกลายเป็นละครที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

 

 

 

DYNASTY ก็เช่นเดียวกัน ซีรีส์เรื่องนี้มาคาแรกเตอร์ของตัวละครที่จัดจ้าน แถมโครงเรื่องที่เล่าถึงตระกูลมหาเศรษฐีอย่างแคร์ริงตัน โดยที่เบลค ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของตระกูลนี้ตัดสินใจแต่งงานกับคริสตัล อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ซึ่งนางเหม็นขี้หน้ากับลูกสาวคนเก่งอย่างเฟลลอน จนกลายเป็นศึกครั้งใหญ่ตลอดเวลาทั้งสองต้องเผชิญหน้ากัน ไม่ว่าจะเป็นการลับฝีปาก หรือลงไม้ลงมือตบกันจนหัวทิ่มหัวตำ ไม่เพียงเท่านั้นลูกชายของบ้านแคร์ริงตันอย่างสตีเว่นก็ดันไปพบรักกับหนุ่มละตินสุดแซ่บอย่างแซม โจนส์ ซึ่งเป้าหมายเบื้องลึกของเขานั้นมีมากกว่าการแค่จีบลูกชายสุดหล่อของตระกูลนี้

 

ทำความรู้จักตัวละคร

 

 

เฟลลอน แคร์ริงตัน (อลิซาเบธ กิลลีย์)

ลูกคุณหนูหัวก้าวหน้า มีเสน่ห์ จอมวางแผน เธอทำงานอย่างหนักเพื่อจะทำให้พ่อของเห็น แต่เมื่อพ่อของเธอตัดสันใจบางอย่างจนทำให้เฟลลอนหัวเสียหนัก จนเธอตั้งปณิธานว่าจะเลิกอาศัยบารมีนามสกุลดังเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง

 

 

คริสตัล แคร์ริงตัน (นาตาลี เคลลี่)

สะใภ้คนใหม่ อดีตพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ขององค์กรแคร์ริงตัน แอตแลนติก เธอสานสัมพันธ์รักกับเบลค แคร์ริงตัน หลังจากที่ทั้งสองเดตกันราว 4 เดือน ทั้งสองก็ตัดสินใจแต่งงานกันแบบสายฟ้าแล่บ ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของเฟลลอน

 

 

เบลค แคร์ริงตัน (แกรนท์ ชอว์)

ซีอีโอของแคร์ริงตัน แอทแลนติก เขาเป็นคนชอบวางแผน จองบงการ และพยายามควบคุมธุรกิจทุกอย่างไว้ในกำมือ เขาสามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะรู้สึกยังไง แม้ว่าเค้าจะแสดงออกว่าตนแคร์ความรู้สึกของคนใกล้ตัวก็ตาม

 

 

สตีเว่น แคร์ริงตัน  (เจมส์ แมคเคย์)

ลูกชายคนที่ 2 ของบ้านแคร์ริงตัน ฉลาด ไหวพริบดี เป็นคนช่างเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ใความจงรักภักดีกับตระกูลแคร์ริงตัน อีกทั้งยังเปิดตัวต่อสังคมภายนอกว่าเขาเป็นเกย์

 

 

ไมเคิล คัลเฮน (โรเบิร์ต คริสโตเฟอร์ ไรลีย์)

อดีตนักกีฬาทุนมหาวิทยาลัย ที่ตัดสินใจผันตัวเองมาเป็นคนขับรถให้กับเหล่ามหาเศรษฐีตระกูลแคร์ริงตัน จนได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวนี้ จนคนในแคร์ริงตันไม่รู้เลยว่าหลายครั้งที่ความลับรั่วก็ล้วนมาจากเสียงมันดังไปถึงเบาะหน้ารถนั่นเอง

 

 

เจฟฟ์ โคลบีย์ (แซม อดีโกกีย์)

จากนักเรียนทุนแคร์ริงตันที่ผันตัวเองมาเป็นศัตรูบริษัทแคร์ริงตัน ในการจัดตั้งบริษัทเกี่ยวกับไอทีและพัฒนาโปรแกรมเกี่ยวดนตรี ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วผลผลิตหลายอย่างของเขาควรจะเป็นของแคร์ริงตัน

 

 

แซม โจนส์ (ราฟาเอล เดอ ลา ฟอนเต้)

หลานชายของคริสตัล ที่พบกับสตีเว่น โดยครั้งแรกทั้งสองก็ถูกตาต้องใจกันจนไปเปิดโรงแรมและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ทั้งที่จริงแล้วแซมอาศัยความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้ามาอยู่ภายใต้ชายคาแคร์ริงตัน

 

 

โจเซฟ แอนเดอร์ (อลัน เดล)

พ่อบ้านผู้จงรักภักดีของตระกูลแคร์ริงตัน เขารู้สึกสงสัยในตัวคริสตัลและหลานชาย จึงจ้างนักสืบไปค้นหาความเป็นมาของผู้หญิงคนนี้และพบว่าเธอมีอดีตอันมืดดำ

 

ความสัมพันธ์ของเหล่าตัวละครเหล่านี้จะยุ่งเหยิงไปตลอดทั้งซีซั่น และในตอนจบของแต่ละ EP ก็ทิ้งปมความวุ่นวายสู่ตอนถัดไปจนคุณหยุดดูไม่ได้เลยทีเดียว