เหตุการณ์อภินิหารกลางกอง "บุพเพสันนิวาส" เมื่อครั้ง "ปราปต์ปฎล" รับบทพระนารายณ์

เหตุการณ์อภินิหารกลางกอง "บุพเพสันนิวาส" เมื่อครั้ง "ปราปต์ปฎล" รับบทพระนารายณ์

เหตุการณ์อภินิหารกลางกอง "บุพเพสันนิวาส" เมื่อครั้ง "ปราปต์ปฎล" รับบทพระนารายณ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เก็บตกเรื่องราวที่เรียกว่าขนลุกจากละครดัง บุพเพสันนิวาส กับบทสัมภาษณ์จากนักแสดงมากฝีมือ ปราปต์-ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ในบทบาท สมเด็จพระนารายณ์ กับเรื่องเล่าที่เหมือนอภินิหารจากกองละคร ที่หนุ่มปราปต์และทีมงานได้เจอกันในกองถ่าย ทีมงาน Sanook! ได้ต่อสายตรงสัมภาษณ์พี่ปราปต์ปฎล ถึงเรื่องราวที่ได้เจอมาฝากแฟนๆ กันจ้า

เห็นว่าตั้งแต่เล่นบทนี้ ได้เจอเรื่อราวเหมือนอภินิหารตั้งแต่เริ่ม เล่าให้ฟังหน่อย

"ตั้งแต่ที่ผมรู้ว่าจะได้รับบทพระนารายณ์ วันที่ผมไปฟิตติ้ง ผมก็แต่งหน้าทำผมเรียบร้อย แต่เรายังไม่ได้สวมฉลองพระองค์ เราก็เอาฉลองพระองค์ออกไปกลางแจ้ง พร้อมเก้าอี้หนึ่งตัว เอาฉลองพระองค์พาดพร้อมจุดธูป 9 ดอก ขอท่านว่าถ้าเราเป็นคนที่ท่านคิดว่าเหมาะสมจะให้เล่นก็ขอให้ทุกอย่าง ถ้ามีอุปสรรค์ใดๆ ก็ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ให้ทุกอย่างราบรื่น แต่ถ้าไม่ใช่ก็ขอให้เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ ทำอะไรก็ติดขัด แล้วก็มีเหตุทำให้เราต้องไม่ได้เล่นเรื่องนี้ แล้วก็ให้ท่านได้สรรหาคนที่เหมาะสมมาเล่นแทนเราก็แล้วกัน นี่คือสิ่งที่เราอธิษฐาน วันนั้นเราอยู่กลางแจ้ง แล้วแดดมันเปรี้ยงมาก จังหวะที่เราไปนั่งกราบและจุดธูปขอ จู่ๆ ก็มีพระอาทิตย์ทรงกรดเป็นร่มคลุมแค่บริเวณที่เราอยู่ รัศมีไม่กี่เมตรรอบๆ ตัวเรา ซึ่งมันมีน้องทีมงานที่ตามเราออกไปด้วย มองอยู่ว่าทำไมถึงร่มแค่ที่เรา ส่วนเราก็รู้สึกว่ามันร่มไม่ได้ร้อนอะไร นี่คือจุดแรกที่เรารู้สึก"

ส่วนใหญ่เราจะได้เห็นพี่ปราปต์ในบทบาทร้ายๆ หรือนักรบมากกว่า มาเล่นบทนี้ได้ยังไง 

"ตอนเล่นบทบาทนี้เราไม่ได้ค้นข้อมูลหรือทำการบ้านอะไรมากมาย เพราะเราไม่อยากจะให้การค้นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่แต่ละคนบันทึกไว้ และอาจจะไม่ตรงกันเป๊ะ เราเลยเอาความตามความเข้าใจของตัวเองจากการอ่านบท ซึ่งเราก็ไม่ได้อ่านบททั้งเรื่อง อ่านเฉพาะบทพระนารายณ์ แล้วส่วนของพี่ใหม่ ผู้กำกับเขาก็ถ่ายส่วนอื่นไปก่อนแล้วเป็นปีแล้ว จนใกล้จะถ่ายส่วนท้องพระโรงในพระราชวัง ก็ได้เริ่มหาตัวนักแสดงพระนารายณ์ พี่ใหม่เขาก็คิดว่าที่เมื่อถึงเวลาเหมาะสมท่านก็คงจะส่งนักแสดงบทนี้มาเอง แล้วก็มาเจอพี่ ก็มีคนค้านนะที่เป็นเรา เพราะส่วนใหญ่เราก็เล่นบทตัวร้าย นักเลง มือปืน มาเฟียมากกว่า ถ้าเป็นพีเรียดก็จะเป็นนักรบ สายบู๊มากกว่า เอาง่ายๆ คือคนมองว่าบารมีไม่ถึงที่จะเล่นบทนี้ เพราะตัวละครนี้ควรจะต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากๆ มาเล่น แต่พี่ใหม่ตัดสินใจว่า ทุกอย่างที่มีอยู่ในตัวพี่ปราปต์ คือพร้อมแล้วสำหรับบทพระนารายณ์ของเขา เขาบอกว่า ใครจะมองว่าพี่ปราปต์ไม่ดัง แต่สำหรับเขาไม่ใช่ปัญหา ใครไม่รู้จักพี่ปราปต์บ้าง ใครจะมองว่าพี่ปราปต์ไม่เหมาะสม แต่สำหรับเขาพี่ปราปต์เหมาะสมทุกอย่าง ถ้ามีอะไรเขารับผิดชอบเอง พี่ใหม่เขาเป็นคนตัดสินใจเอง เราถึงได้มาเล่น"

 

รู้สึกกดดันไหมที่คนมองว่าเราบารมีไม่ถึง ไม่เหมาะกับบทบาทนี้

 "ไม่... เราไม่ได้รู้สึกกดดัน เราแค่รอเวลา เราทำงานมา 20 กว่าปีเราแค่รอเวลาว่าจะมีใครได้เห็นเรา และตั้งใจทำงานของเรามาเรื่อยๆ ถามว่าเราเป็นตัวร้าย ก็บทเราได้มาแบบนั้น ถ้าเล่นแล้วคนไม่เชื่อว่าร้าย เราจะผ่านมันได้มั้ย เราก็ยังรอโอกาสว่าจะมีคนเปลี่ยนเราบ้างไหม คนก็จำติดตาภาพที่เราเล่นบทร้าย ก็เลยส่งแต่บทร้ายมาให้เรา ถามว่ารับมั้ยเราก็รับด้วยความเต็มใจ มันคืองานเราอะไรก็ได้มาเถอะ แต่วันนึงเราก็รอมั้ย... เราก็รอแหละ ว่าจะมีใครสักคนที่มองเห็นลึกๆ ข้างในตัวเรา ว่าเราความสามารถอย่างอื่นอีกมั้ย แล้ววันนั้นมันก็มาถึงที่พี่ใหม่มองเห็นเรา และให้บทที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้เล่นมาก่อน"

ตีความการแสดงยังไงที่ต้องเล่นเป็น บทบาทของกษัตริย์ในยุคนั้น 

"ในระยะเวลาที่ถ่ายทำกันก็มีเรื่องราวที่รู้สึกว่า ดลใจ คือเราก็บอกกับท่าน กราบขอท่านว่า ยังมีคนที่ไม่เข้าใจท่าน ยังมีคนที่คลางแคลงใจท่าน อะไรหลายๆ อย่างที่ไม่ได้รับการเข้าใจ ท่านยังทำอะไรที่ยังไม่สำเร็จอีกหลายอย่าง และท่านก็จากไป ถ้าท่านอยากให้คนได้รู้จักท่านแบบไหน ก็ขอให้ท่าน ดลบันดาลใจผ่านการแสดงของเรา ...เราก็บอกท่านแบบนี้ แล้วอย่างบทยาวๆ บทพูดทุกอย่าง เราก็พูดจากความรู้สึกข้างในทุกอย่าง เรามีความรู้สึกว่า ท่านรู้สึึกแบบนี้ๆ เราไม่เกิดไม่ทันสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในยุคนั้น แต่เราเกิดทันในหลวงรัชกาลที่ 9 เรามีความรู้สึกว่าพระองค์ท่านทรงมีอะไรหลายๆ อย่างเหมือนในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก ที่เรารู้สึก... ท่านเป็นกวี ในหลวงก็เป็น ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ ในหลวงก็เป็น ท่านเป็นนักการทูต ในหลวงเราก็เป็น ท่านเป็นนักรบ ในหลวงเราก็เป็นทหาร ...ท่านเป็นทุกอย่าง เป็นคนที่มีความโอบอ้อมอารี แบบพ่อปกครองลูก ในหลวงท่านก็เป็น เราก็เลยคุยกับพี่ใหม่ว่า ผมตีความออกมาว่าพระนารายณ์มหาราชกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้งสองพระองค์มีความคล้ายคลึงกันมาก พี่ใหม่เขาก็ โอ้โห... งั้นผมปล่อยพี่ปราปต์ลุยเลย เราได้ตีความตรงกันละ นั่นก็เลยเป็นที่มา"

ยังมีเรื่องราวเหมือนอภินิหารในกองถ่ายอีก...

"ในระหว่างถ่ายทำ มันจะมีวันที่เกิดเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ ก็คือฉากที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงดูดาว กำลังป่วยตรอมใจ ออกมานั่งริมระเบียง ก็เป็นฉากในประวัติศาสตร์แหละ ทีมงานก็เซ็ตฉาก เซ็ตไฟเป็นฉากกลางคืนตัั้งกล้องพร้อมถ่ายเรียบร้อยแล้ว ฝนกระหน่ำหนักมาก แบบตกหนักเลย จนทุกคนก็กังวลว่าจะถ่ายไม่ได้ พี่ใหม่ก็บอก...พี่ปราปต์ ต้องพี่ปราปต์แล้วล่ะ เราก็เลยเดินออกไปจุดธูป พร้อมน้องทีมงานคนเดิมที่เคยไปกับเราตอนฟิตติ้งที่เห็นพระอาทิตย์ทรงกรด ตอนฝนตกน้องก็กางร่มไปกับเรา จุดธูป 9 ดอกแล้วเราก็บอกว่าเอาร่มออก น้องก็บอกว่า พี่ทำผมแล้ว แต่งชุดแล้ว ถ้าเอาร่มออกพี่ก็จะเปียก เราจะทำงานกันยังไง เขาก็ไม่อยากเอาออก เราก็บอกว่า เอาออกเถอะเชื่อพี่ เขาก็เอาออก ...ฝนไม่โดนเรา แล้วเราก็ก้มลงปักธูป บอกกล่าว ขอให้ฝนหยุดตก พอปักธูปปุ๊ป ฝนหยุดทันที หยุดแบบสนิทเลย แบบทุกคนยืนอึ้งกันหมดเลย แบบ หา อย่างนี้เลยเหรอ พอเราจะเดินเข้าโรงถ่ายที่เป็นฉากพระราชวัง เราก็เดินเข้าข้างในเพื่อจะผ่านไปทางระเบียง ก็มองขึ้นไปบนฟ้า ก็เห็นฟ้าปิดมืดสนิท แต่เราจะถ่ายฉากดูดาว จะถ่ายยังไงล่ะฟ้าปิด เราก็เลยออกมาอีก 2-3 ก้าว ยกมือไหว้ขอท่านว่าขอให้ฟ้าเปิด เพราะเราจะถ่ายฉากดูดาว แล้วก็เดินเข้าข้างในพอโผล่ไปตรงระเบียง ปรากฏว่าฟ้าเปิดเลย นี่คือสิ่งที่เราเจอ"

นอกจากอภินิหารฝนหยุดในกองถ่ายแล้ว นอกกองถ่ายก็มี...

"อีกอันคือตอนที่เราต้องไปรำถวายที่บรอดคาซท์ จริงๆ วันนั้นฝนตกนะ ก็เหมือนเดิม พี่ใหม่จุดธูปบอกแล้ว คนอื่นจุดธูปก็แล้ว สุดท้ายพี่ใหม่ก็บอกให้คนไปตามพี่ปราปต์ พี่ก็จุดธูปบอกท่าน แล้วบอกท่านด้วยว่าตอนนี้นักข่าวจ้องเราอยู่ เหมือนอยากพิสูจน์ว่าเป็นจริงอย่างที่เราเล่าไว้หรือเปล่า เราก็อธิษฐานไปตรงๆ ว่าวันนี้ทุกคนตั้งใจมาที่นี่ เพื่อรำถวายท่าน เพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของท่านที่ทำให้งานประสบความสำเร็จขนาดนี้ ถ้าฝนไม่หยุดพิธีมันไปต่อไม่ได้ และท่านเห็นมั้ยว่านักข่าวจ้องมาที่ผมเต็มเลย ถ้าท่านไม่หยุดให้ผม ผมก็หน้าแตกนะ ทุกอย่างที่ผ่านมาทุกคนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เขาก็ไม่รู้ว่าจริงมั้ย ถ้างั้นท่านหยุดให้ผมหน่อยครับ เราก็บอกไปแบบนี้ แล้วก็ปักธูป ละเดินเข้าตึกไป ฝนก็หยุด ฟ้าก็สว่างเลย ในความเชื่อส่วนตัวของพี่ คนอาจคิดว่ามันเป็นความบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่สำหรับพี่เวลาขอแบบนี้ ท่านก็ให้ แล้วเราก็จะไม่ได้ขออะไรเพื่อตัวเอง จะไม่ขออะไรพร่ำเพรื่อหรือไม่สมเหตุสมผล"

อัลบั้มภาพ 38 ภาพ

อัลบั้มภาพ 38 ภาพ ของ เหตุการณ์อภินิหารกลางกอง "บุพเพสันนิวาส" เมื่อครั้ง "ปราปต์ปฎล" รับบทพระนารายณ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook