รีวิว Set It Up หนังโรแมนติกที่เราคิดถึง
เมื่อเจ้านายจอมบงการทำให้เลขาฯส่วนตัวต้องหัวปั่น วิธีการแก้เผ็ดของพวกเขาและเธอคือการจับคู่หัวหน้าของพวกเขาไว้ด้วยกัน เพื่อเวลาที่ทั้งสองใช้เวลาเดตกัน พวกเขาจะได้เป็นอิสระและมีเวลาทำอะไรตามใจตัวเอง
เรื่องราวเริ่มต้นที่ฮาร์เปอร์ (โซอี้ ดุตช์) เลขาคนเก่งของคริสเทน (ลูซี่ ลิว) ผู้สื่อข่าวสายกีฬาชื่อดัง ที่จัดได้ว่างานยุ่งและทำงานอย่างบ้าคลั่งดึกดื่น จนตัวฮาร์เปอร์เองแทบไม่เหลือเวลาเป็นส่วนตัว เพราะโดนเจ้านายจิกหัวใช้ตลอดเวลา ความฝันอันสูงสุดในการทำงานของเธอคือการจะเป็นนักเขียนคอนเทนส์ที่เก่งกาจ แต่เวลาที่เธอมีก็ไม่เพียงพอที่จะสรรค์สร้างชิ้นงานออกมาในชาตินี้อย่างแน่นอน จนกระทั่งเธอได้พบกับชาร์ลี (เกลน โพเวลล์) ชายหนุ่มวัย 28 ที่เป็นเลขาของริก (เทย์ ดิกก์) นักธุรกิจไฟแนนซ์ที่ทำงานอยู่ในตึกเดียวกันและงานยุ่งจนไม่มีเวลาดูแลแฟนเก่าจนทั้งสองยื่นข้อเสนอว่าสมควรจะหย่ากัน และเรื่องนี้ทำให้ริกอารมณ์เสียตลอดทั้งวันและชาร์ลีก็กลายเป็นกระโถนในการระบายอารมณ์บ่อยครั้ง แถมชาร์ลียังยุ่งมากจนไม่เหลือเวลาให้แฟนสาว
เมื่อถึงจุดหนึ่งๆฮาร์เปอร์จึงตกลงกับชาร์ลีว่า ไหนๆหัวหน้าทั้งสองคนนี้ก็บ้างานพอๆกันทำไมไม่จับคู่ให้พวกเขาตกหลุมรักกัน เพื่อที่ว่าทั้งสองคนจะได้มีเวลาในการ “ใช้ชีวิต” ที่ไม่ใช่การทำงานมากขึ้น แน่นอนว่าเมื่อแผนการในการเป็นแม่สื่อแม่ชักเริ่มต้นขึ้น ภารกิจความฮาและวายป่วงก็เริ่มบังเกิด ไม่ว่าจะเป็นแผนการที่ทำให้หัวหน้าทั้งสองคนติดร่วมลิฟต์เดียวกัน การเริ่มวางแผนให้ทั้งสองไปดูการแข่งเบสบอลและที่นั่งติดกันจนกล้องจับมาให้ทั้งคู่ต้องจูบกันตามธรรมเนียมช่วง “กล้องคู่รัก” แผนการทุกอย่างไปได้สวย ทั้งสองเริ่มมีความสุขกับชีวิตของตัวเองมากขึ้น โดยที่ทั้งสองไม่รู้เลยว่าระหว่างที่กำลังสวมบทแม่สื่อพ่อชัก ฮาร์เปอร์และชาร์ลีกำลังตกหลุมรักกันเองแบบที่พวกเขาไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามเมื่อเรามองไปถึงบทภาพยนตร์ก็ต้องมีอะไรติติงกันซักหน่อย เพราะบางครั้งเราก็รู้สึกได้ว่าบทของตัวละครเจ้านายทั้งสองคนทั้งคริสเทนและริก ดูออกแบบมาเป็นตัวละครการ์ตูนมากจนเกินไปหน่อย ฝ่าหญิงก็ดูขี้หงุดหงิดและดูจะหมดประจำเดือนไปหน่อย ส่วนริกก็ดูขี้โมโหและดูไร้เหตุผลเกินกว่าจะมาบริหารงานไฟแนนซ์ได้ (ดูไร้สติเกินไปหน่อย) แต่ในความใหญ่และล้นๆของตัวละครทั้งสองคนนี้กลับทำให้เราเห็นอกเห็นใจคู่พระนางมากขึ้นเช่นกัน
ด้วยเสน่ห์อันเหลือล้นของคู่พระนาง ทำให้เรารู้สึกว่าทั้งสองคนนี้เป็นตัวละครที่เคมีเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ดูเพลินตามแบบฉบับหนังรอมคอม ทำให้ Set It Up กลายเป็นหนังที่มีกลิ่นอายหนังโรแมนซ์ใสๆในยุค 90 ที่ไม่มีพิษไม่มีภัย ดูไปยิ้มไป รับชมได้แล้วทาง NETFLIX