รีวิว Skyscraper เสียดฟ้าแต่ว่าไม่น่าตื่นเต้นอะไร
สำหรับผมการดู Skyscraper เป็นเหมือนการหยิบหนังเรื่องโน่นนี่นั่นเอามาผสมกันเยอะไปหมด ถามว่ามันเป็นหนังที่มีอะไรแปลกใหม่ไหม ก็คงต้องตอบตามตรงว่าทุกอย่างในเรื่องนี้ไม่มีอะไรใหม่ทั้งสิ้น เผลอๆอาจจะดู “ตลก” แบบไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำไป และจากบรรทัดนี้เป็นต้นไปขอบอกเลยว่าจะเป็นการหยิบเอาฉากในหนังมาพูดถึง ซึ่งอ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่าโดนสปอยล์ แต่เชื่อผมเถอะครับว่า ตอนคุณไปดูหนังจริงๆมันก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นหรอกเพราะยังไงมันก็เดาได้อยู่ดี
หนังเปิดเรื่องมาที่วิลล์ ซอว์เยอร์ (ดเวย์น จอห์นสัน) อดีตนาวิกโยธินที่เป็นฝ่ายจู่โจม หลังจากภารกิจช่วยเหลือตัวประกัน เขาต้องสูญเสียขาข้างซ้ายส่งผลทำให้เขาต้องใส่ขาเทียม ซึ่งขาเทียมนี่แหละที่เป็นทั้งตัวช่วยและเป็นทั้งจุดกังขาให้คนดูตลอดเวลาว่าตกลงแล้วตัวละครนี้ใส่ขาเทียมจริงๆหรือเปล่าเพราะดูเดินเหิน เคลื่อนไหว ใช้แรงส่งเตะต่อย หรือกระโดดพุ่งตัวได้ในระยะไกลจนเหลือเชื่อไปหมด
ก่อนที่จะไปถึงจุดที่ว่าทำไมตัวละครทำอะไรเหลือเชื่อในหนังเรื่องนี้ เมื่อพิจารณาไปถึงบทหนังของ Skyscraper เราก็ยิ่งมองเห็นความพิลึกพิลั่นและความขี้เกียจของคนเขียนบทมากขึ้นเท่านั้น หลังจากเหตุการณ์ระเบิดหนังก็ตัดภาพกระโดดข้ามช่วงเวลามาอีกหลายปีและวิลล์ได้แต่งงานกับดร.ซาร่าห์ ซอว์เยอร์(เนฟ แคมป์เบลล์) ศัลยแพทย์ประจำกองทัพ ทั้งสองมีลูกด้วยกันสองคน เขาได้ย้ายมาอยู่ที่เดอะเพิร์ล ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูง 225 ชั้น และมีความสูงมากกว่า 3,500 ฟุต อาคารแห่งนี้ตั้งอยู่สุดขอบเกาลูน บริเวณ วิคตอเรีย ฮาร์เบอร์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเกาะฮ่องกง แต่เนื่องจากอาคารแห่งนี้ยังไม่ได้เปิดให้บริการทุกชั้นเพราะยังไม่ได้รับการประเมินความปลอดภัยในภาพรวม
วิลล์ที่ปัจจุบันประกอบอาชีพผู้รับเหมาเอกชนในการให้คำแนะนำเรื่องการประเมินความปลอดภัย ประจวบเหมาะพอดีกับการที่เจ้าหมิงซี่ (ชิน ฮาน) เจ้าของตึกเดอะเพิร์ลต้องการจะเปิดตึกให้เต็มรูปแบบ ทั้งสองจึงได้ร่วมงานกัน แต่ไม่นานตึกเดอะเพิร์ลก็เกิดเพลิงไหม้ ลูกเมียของเขาติดอยู่ในตึกดังกล่าว ยังไม่พอแค่นั้นเขายังโดนใส่ความว่าเป็นตัวการในการวางเพลิงตึกนี้ ทำให้วิลล์ต้องพิสูจน์ตัวเอง ช่วยเหลือลูกเมีย ให้ทันเวลา
กลไกการดำเนินเรื่องไปข้างหน้าของ Skyscraper ดูง่ายไปหมด ตั้งแต่การที่บรรดาตัวร้ายของเรื่องเจาะกำแพงตึกของเดอะเพิร์ลเข้า จนเราแอบรู้สึกว่าตึกที่การันตีตัวเองว่ามีความสูงและปลอดภัยที่สุดในโลก ทำไมกำแพงหนาขนาดนั้นสามารถเจาะทะลุง่ายๆ หรือระบบตรวจตรารักษาความปลอดภัยกลับเอื้อให้คนเข้ามาก่อการร้ายได้ง่ายถึงเพียงนี้ ยังไม่รวมไปถึงคนดูก็แทบจะไม่มีโอกาสได้เห็น “ชั้นล่าง” ที่เป็นบริเวณศูนย์การค้าหรือ แง่มุมต่างๆของตึกเท่าไหร่ พูดง่ายๆคือคนดูมีโอกาสได้เห็นแค่ “ข้างนอกตึก” และชั้นที่หนังอยากให้คนดูได้เห็นเท่านั้น บรรดาชั้นอื่นๆคนดูจึงต้องจินตนาการและอนุมานไปเองว่ามันคงมีสภาพโครงสร้างเป็นยังไง
เมื่อคนดูไม่มีโอกาสทำความรู้จักตัวตึกมากนัก (พอๆกับการได้ทำความรู้จักตัวละครหลายๆตัวในหนังเรื่องนี้) สภาพของตัวละครที่มีความแบนเป็นไม้กระดานอยู่ จึงยิ่งเหมือนโดนเตารีดนาบเพิ่มไปอีก เพราะยังไงคนดูก็รู้อยู่แล้วว่าถึงวิลล์จะทำอะไรก็ตาม เขาต้องอยู่รอดปลอดภัยและช่วยเหลือลูกเมียได้สำเร็จแน่นอน
อะไรจะน่าเบื่อไปกว่าการที่คนดูรู้ผลลัพธ์ของหนังอยู่แล้ว แถมระหว่างทางของเรื่องดันไม่สามารถสร้างความบันเทิงร่วมด้วยไปกับหนังได้อีก Skyscraper จึงเป็นหนังที่จะหยิบเอาหายนะบนตึกสูงเอามาสร้างได้อย่างจืดชืดและซ้ำรอยหนังเก่าจนไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นนัก