เบื้องหน้าสู่เบื้องหลัง บทสัมภาษณ์ข้ามทวีป “Rene Liu” ผู้กำกับหญิงจาก “Us And Them”
ถ้าเราจะบอกว่า นี่อาจเป็นยุคที่ “ภาพยนตร์” จะไปอยู่ ณ แห่งหนตำบลใดก็ได้ก็คงไม่ผิดนัก ในยุคก่อนหน้านี้ ภาพยนตร์กับโรงหนังเปรียบเสมือนเพื่อนรู้ใจที่ยืนเคียงข้างกันมาโดยตลอด แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน วัฒนธรรมการรับชมของมนุษย์ก็แปรผัน (ไปบ้าง) เราจึงเห็นภาพยนตร์บางเรื่องถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฉายทางจอโทรทัศน์เท่านั้น บางเรื่องฉายช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว รวมไปถึงอาจจะบุกตลาดจอเงินก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตในภายหลัง … “Us And Them” ก็เช่นเดียวกัน
คงจะต้องเกริ่นกันสักนิดสำหรับผู้ที่ยังไม่มีโอกาสได้รับชม Us And Them เล่าเรื่องราวชีวิตรักระหว่าง หลิง เจียงเฉวี่ยน (แสดงโดย จิ่ง โป้วหราน) และ ฟาง เสียวเสี่ยว (แสดงโดย โจว เต้าหยุน) ที่ตกหลุมรักกันขณะที่ทั้งคู่นั่งรถไฟกลับบ้านในช่วงเทศกาลตรุษจีน ก่อนที่จะฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย แต่ท้ายที่สุดก็ต้องเลิกรากันไป แต่แล้วในอีก 10 ปีให้หลัง ทั้งสองก็กลับมาพบกันอีกครั้ง กลายเป็นเรื่องราวสุดซึ้งที่ทำให้ผู้ชมต่างหวนคำนึงถึงความรักของตนเองได้อย่างง่ายดาย
ชมภาพยนตร์ตัวอย่าง Us And Them ได้ที่นี่
และด้วยรายได้ที่พุ่งทะยานกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในระยะเวลาฉายเพียง 10 วัน ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง Us And Them ทำลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศของประเทศจีนสำหรับภาพยนตร์ที่กำกับโดย “ผู้กำกับหญิง” และทำให้ชื่อของ เรเน่ หลิว (Rene Liu) ได้รับการจับตามองในทันทีในฐานะบุคคลเบื้องหลังคนสำคัญ มากไปกว่านั้น ยังได้รับการนำไปฉายทางช่อง Netflix ในฐานะภาพยนตร์ออริจินัลภาษาจีนเรื่องแรกอีกต่างหาก
อะไรที่ทำให้ Us And Them ประสบความสำเร็จมากขนาดนี้? บทบาทที่เปลี่ยนแปลง จากนักแสดงสู่การเป็นผู้กำกับ สร้างความท้าทายให้กับชีวิต เรเน่ หลิว มากเพียงใด? Sanook! TV/Movies มีโอกาสได้ส่งคำถามสุดเอ็กซ์คลูซีฟไปยังผู้กำกับหญิงคนเก่งคนนี้ และเธอก็ตอบกลับข้ามทวีปมาแบบจริงจังเสียด้วย ลองไปค้นหาคำตอบจากเธอพร้อมๆ กัน
Netflix
รู้สึกอย่างไรบ้างที่ตอนนี้คุณได้รับการจับตามองในฐานะผู้กำกับหญิงชาวเอเชียที่มาแรงที่สุด ณ ขณะนี้?
ฉันยังจำครั้งแรกที่ฉันได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์เอเชีย-แปซิฟิกจากการแสดงภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของฉันได้อยู่เลยค่ะ ตอนนั้นผู้คนต่างพูดว่าฉันเก่งในด้านการแสดง ความจริงก็คือ ถึงฉันจะได้รับรางวัล แต่ฉันก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือการแสดง มาถึงตอนนี้อะไรๆ ก็ยังไม่เปลี่ยน ฉันเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการกำกับเหมือนกัน ถ้าถามว่า “ทำไมภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงได้รับความนิยมมาก?” นี่ก็เป็นเรื่องที่ฉันไม่สามารถกำกับหรือบงการได้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับตัวเองและอยู่กับความเป็นจริง ชีวิตจริง คือฉันไม่เคยปล่อยให้ความล้มเหลวมามีผลต่อสิ่งที่ฉันรักและกำลังจะทำในอนาคต ขณะเดียวกันก็ไม่ปล่อยให้ความสำเร็จในอดีตทำให้ฉันวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต
จากการเป็นเบื้องหน้า ในฐานะ “นักแสดง” สู่การเป็นบุคคลเบื้องหลัง ในฐานะ “ผู้กำกับ” ต้องปรับตัวมากไหม?
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันต้องเรียนรู้ ฉันได้ไปเรียนการตัดต่อและการเขียนบทภาพยนตร์ โชคดีมากจริงๆ ที่มีทีมงานที่ยอดเยี่ยมร่วมงานกับฉัน ดังนั้น ฉันจึงได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ และฉันรักมันมาก ทุกวันนี้ หลายๆคนสามารถเป็นผู้กำกับได้ง่ายๆ แต่การจะเป็นผู้กำกับที่ดีนั้นมันไม่ง่ายเลยสำหรับฉัน ฉันหวังว่าสิ่งที่ฉันได้รับจากการทำงานในครั้งนี้ และผลงานที่เราทำออกมา จะทำให้ผู้คนได้เข้าใจว่า พวกเรารักและตั้งใจกับงานนี้มาก ถึงแม้ว่าจะต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทำภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ตาม แต่ทั้งหมดนี้ทำให้ความพยายามของพวกเราคุ้มค่าที่สุด
Netflix
ความท้าทายในการเป็นนักแสดงกับผู้กำกับมีความแตกต่างกันอย่างไร?
ก่อนหน้านั้นฉันเคยเป็นนักแสดงคนหนึ่ง ดังนั้นเมื่อฉันกลายมาเป็นผู้กำกับ ฉันจึงเข้าใจปัญหาและประเด็นสำคัญที่นักแสดงกำลังเผชิญอยู่ และทั้งหมดนี้ฉันรู้ว่านักแสดงทุกคนล้วนมีความละเอียดอ่อน ถ้านักแสดงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ปกติ การถ่ายทำก็จะไม่ราบรื่น ฉันหวังว่านักแสดงจะรู้สึกถึงความรักและความปลอดภัยในระหว่างการทำงาน การได้ทำงานกับทีมที่ทำให้คุณรู้สึกสบายสบายใจย่อมทำให้คุณกล้าที่จะลองแสดงในแบบต่างๆ อีกอย่างคือฉันไม่จำเป็นต้องควบคุมอาหารตอนที่เป็นผู้กำกับ
ภาพยนตร์เรื่อง “Us And Them หรือ ความรักแปลกหน้าของสองเรา” ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง มันเกินความคาดหวังของคุณไปมากน้อยแค่ไหน?
อย่างแรกคือ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ Netflix เลือกให้ Us And Them เป็นภาพยนตร์ออริจินัลภาษาจีนเรื่องแรก ซึ่งคุณมาร์ก ลี พิงปิง ผู้กำกับภาพ พูดกับฉันว่า ภาพยนตร์มีภาษาของตัวเอง แต่ยังมีสิ่งสำคัญมากสำหรับภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แค่เรื่องภาษาเท่านั้น นั่นก็คือผู้ชมจำนวนมากที่ให้การสนับสนุนภาพยนตร์ ฉันคิดว่านี่แหละที่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก และทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าวงการภาพยนตร์จะไม่มีทางปิดตัวลง
Netflix
เหตุใดจึงเลือกประเด็นความสัมพันธ์ของความรักจากคน 2 คนมาถ่ายทอดในหนังเรื่องนี้?
Us And Them ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องสั้นของฉันที่มีชื่อว่า Home for Chinese New Year ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 2011 เกี่ยวกับเรื่องราวของชายหญิงคู่หนึ่งจากมีโน (Mino) เมืองเกาสง (Kaohsiung) ที่มาทำงานที่ไทเป พวกเขาตกหลุมรักกัน และเลิกรากันไป ก่อนที่จะต่างคนต่างแต่งงานกับคนอื่น แต่ทุกปี พวกเขาทั้งคู่จะได้พบกันที่บ้านเกิดในช่วงปีใหม่ จางอี้ไป่ ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์สนับสนุนเรื่องสั้นเรื่องนี้ และทำให้มันกลายเป็นบทภาพยนตร์ในเวลา 2 ปี ก่อนที่เรื่องนี้จะถูกเปลี่ยนฉากหลังจากไทเปเป็นปักกิ่ง เล่าเรื่องราวของสองชายหญิงที่เดินทางมาทำงานต่างถิ่น วันหนึ่งพวกเขาเจอกันบนรถไฟระหว่างทางกลับบ้านจนผูกพันกันเป็นเวลานานนับ 10 ปี
เคมีของนักแสดงนำอย่าง จิ่ง โป้วหราน และ โจว เต้าหยุน โดดเด่นอย่างไรในสายตาของคุณ?
พวกเขามีบุคลิกที่โดดเด่นกันทั้งคู่ อย่าง โจว เต้าหยุน จะมีความอิสระและเป็นกันเองมากกว่า ส่วน จิ่ง โป้วหราน จะมีความเป็นผู้ชายที่ยึดมั่นในขนบธรรมเนียม ซึ่งแตกต่างจากผู้ชายสมัยใหม่ เขาเป็นคนที่มีความสุขุมและมั่นคง ซึ่งตรงข้ามกับ โจว เต้าหยุน ที่มีบุคลิกรักอิสระและออกจะลุยๆ นั่นเป็นเพราะว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเป็นกิจวัตรหรือตรรกะ เธอทำให้เราแปลกใจอยู่เสมอ เรื่องเซอร์ไพรส์พวกนั้นอาจจะมาจากบุคลิกภาพของเธอเอง ครั้งแรกที่ฉันพบกับ จิ่ง โป้วหราน ฉันทึ่งเขามากๆ เขาทั้งหล่อ ผิวดี และตัวสูง แต่เมื่อมาถึงเวลาถ่ายทำ เขาจะสลัดตัวตนของตัวเองทิ้งทันที ไม่ว่าฉันจะให้เขาเอาหน้าไปคลุกกับเครื่องสำอางสกปรกๆ หรือแม้แต่ให้เขาแต่งตัวเหมือนคนใช้แรงงานจนๆ เขาก็ไม่เคยบ่นแม้แต่คำเดียว เขาแสดงเต็มที่สมบทบาท ฉันประทับใจความทุ่มเทของเขาที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้มาก
Netflix
Netflix
อุปสรรคสำคัญระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้คืออะไร?
เราเดินทางไปยังเมืองไฮลาร์ (Hailar) ภายใต้อุณหภูมิติดลบ 30 องศาเซลเซียส แน่นอนว่าต้องมีหิมะ เพียงแค่เดินออกจากประตูแค่ 10 นาที น้ำแข็งก็เริ่มเกาะที่ขนตา ซึ่งมันเป็นอะไรที่เจ็บแสบมากๆ แต่หลังจากที่ได้เห็นภาพที่ถ่ายมา ฉันคิดว่ามันคุ้มค่า ฉันคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเราทุกคนกระตือรือร้นที่จะทำอะไรซักอย่าง และนั้นทำให้เรามีพลังมหาศาล
โมเม้นต์ที่ประทับใจที่สุดกับภาพยนตร์เรื่องนี้คืออะไร อยากให้เล่าให้เราฟังสักหน่อย
เราใช้เวลาถ่ายทำบนรถไฟนานทีเดียว ในช่วงที่เรากำลังถ่ายทำฉากบนรถไฟมันยากลำบากมากๆ มีวันหนึ่งที่เราถ่ายทำฉากไล่ตามรถไฟในอุณหภูมิติดลบ 40 องศาเซลเซียส จนเราต้องพักกองถ่าย เพราะเราถ่ายทำกันบริเวณช่องลมของเมืองไฮลาร์ (Hailar) ความหนาวตรงนั้นเหมือนจะทำให้เราแขนขาด หนาวจนเราต้านทานไม่ไหว เราต้องอยู่บนรถไฟ 17 ชั่วโมงกับคนร้อยชีวิตในรถไฟ 2 โบกี้ พวกเราอัดกันแน่นจนบางคนไม่มีที่ยืน เราเลยต้องสลับกันนั่ง ฉันรู้สึกดีใจ เพราะไม่ได้มีแค่ฉันที่อยู่ตรงนั้น แต่มีคนหลายต่อหลายคนที่อยู่ล้อมรอบ และทำงานไปด้วยกัน
Netflix
แพลนในการทำภาพยนตร์เรื่องต่อไปของคุณ คิดเอาไว้บ้างหรือยัง?
ฉันไม่มีแผนจะทำอะไรเลย ตอนนี้ฉันแค่อยากจะพักผ่อนให้เต็มอิ่ม ไปพักร้อน
หลังจากผู้ชมชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ คุณคาดหวังให้มุมมองความรักของผู้ชมเปลี่ยนไปไหม?
การตอบรับที่ซาบซึ้งมากที่สุดคือผู้ชมหลายคนบอกกับฉันว่า พวกเขานึกถึงตัวเองหลังจากชมภาพยนตร์จบ พวกเขารู้สึกเสียใจ คิดที่อยากจะให้อดีตหวนคืนมา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจแบบนี้ นอกจากนั้นพวกเขายังคิดจะโทรหาพ่อแม่ หรือแม้กระทั่งซ่อมรีโมตคอนโทรลทีวีให้แม่ด้วยซ้ำ
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ