รีวิว ขุนพันธ์ 2 ภารกิจปราบเสือเหนืออาคม
เมื่อกฎหมายที่ตนเองศรัทธาเล่นงานจนถูกพักราชการ ขุนพันธรักษ์ราชเดช (อนันดา เอเวอริงแฮม) จึงตัดสินใจเล่นนอกกฎด้วยการแทรกซึมเข้าไปอยู่ในกลุ่มโจรเชิ้ตดำที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสุพรรณบุรีนำโดย เสือฝ้าย (พ.อ. วันชนะ สวัสดี) และเสือไบ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) จนอุดมการณ์ตำรวจถูกสั่นคลอนด้วยคำสัตย์ของโจร และขณะเดียวกันทางการตำรวจก็ส่ง อัศวิน (นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์) นายตำรวจหนุ่มนักเรียนนอกไฟแรงมาประจำที่สุพรรณบุรีเพื่อปราบปรามเหล่าโจรเรียกศรัทธาจากประชาชน และยิ่งขุนพันธ์อยู่กับโจรนานเท่าไหร่เบื้องหลังสกปรกในวงการตำรวจก็ยิ่งถูกขุดขึ้นมาจนสุดท้ายขุนพันธ์ต้องเลือกว่าจะอยู่ข้างโจรที่เป็นดั่งวีีรบุรุษหรือเข้าข้างตำรวจที่เลวยิ่งกว่าอาชญากร
หลังห่างหายไป 2 ปีในที่สุด ก้องเกียรติ โขมศิริ ก็ได้ฤกษ์นำขุนพันธ์ ๒ ออกฉาย แม้ว่าเสียงวิจารณ์ของภาคแรกจะออกมาแบบก้ำกึ่ง คือเสียงส่วนใหญ่ก็บอกว่าหนังสนุกดีแต่บทหนังดูจะมั่วซั่วมากและซีจีเข้าขั้นโคม่า แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าการแสดงและการดีไซน์คาแรคเตอร์ตัวละครที่โดดเด่นคือจุดแข็งสำคัญของหนังภาคแรก ซึ่งก็น่าดีใจที่ ก้องเกียรติ ยังคงสานต่อจุดดีของหนังภาคแรก แถมยังกลับมาเล่นใหญ่กว่าเดิมเพราะต้องเล่าเรื่องราวของตัวละครใหม่ที่มีเรื่องราวของตัวเองทั้ง เสือฝ้าย และ เสือไบ ที่ออกแบบมาอย่างเท่จนผู้พันเบิร์ดและเป้ อารักษ์ ได้ควงปืนเล่นฉากแอ็คชั่นสุดเว่อร์วังได้ระดับน้องๆหนังฮีโร่มาร์เวลเลย แถมพัฒนางานเทคนิคด้านภาพให้สมศักดิ์ศรีหนังเกี่ยวกับอาคม แนบเนียนขึ่้นเยอะ และบทหนังยังสร้างประเด็นที่น่าสนใจทั้งเรื่องของคำสัตย์สาบานในหมู่โจร และการต่อสู้ในใจของขุนพันธ์เองว่าเขายังคงเป็นตำรวจหรือไม่สร้างความเข้นข้นให้เรื่องราวน่าสนใจอยู่ตลอด 2 ชั่วโมงของหนัง
นอกจากนี้หนังยังดีไซน์ตัวละครแวดล้อมได้น่าสนใจดีท้้ง อัศวิน นายตำรวจที่ถูกไฟคลอกจนต้องแปลงร่างเป็น เรด สกัล เอ้ย..เป็นมนุษย์หน้ากากดูน่าขนลุกอย่างกับผู้ร้ายหลุดมาจากหนังฮีโร่มาร์เวล หรือจะเป็นบรรดาตัวละครสาวๆทั้ง บุศรา (ก้อย รัชวินทร์ วงศิวิริยะ) มาเฟียสาวเจ้าของบาร์เหล้าเขตปลอดกฎหมายก็ให้อารมณ์นางนกต่อทรงเสน่ห์สุดอันตราย และ ทับทิม (อาภา ภาวิไล) คนรักของเสื้อไบที่มีปูมหลังแสนเศร้า ก็สร้างสีสันได้เป็นอย่างดีจนทำให้ขุนพันธ์ ๒ กลายเป็นหนังที่อุดมด้วยตัวละครที่ถูกออกแบบมาอย่างน่าสนใจมากมายเดินไปเดินมาในเรื่อง แม้ว่าท้ายที่สุดจะกลายเป็นภาระที่บทหนังยังคงไม่สามารถเล่าเรื่องได้ลงตัวเท่าใดนักแต่อย่างน้อยคราวนี้ก้องเกียรติก็ไม่ได้ให้เราเสียเวลาดูฉาก เซนๆ อย่าง “ศึกนี้อยู่ที่ใจ” อันเป็นของแสลงจากหนังภาคแรกแล้ว
จุดที่ยังคงผิดพลาดอย่างน่าเสียดายเช่นเดิมคงหนีไม่พ้นว่า ผ่านมาภาค 2 แล้วเราก็ยังไม่ได้รู้จัก ขุนพันธ์ ดีขึ้นกว่าเดิมนัก เพราะแม้ว่าประวัติของท่านจะแพร่หลายแต่ในเชิงสื่อภาพยนตร์เราก็อยากรู้จักตัวละครนี้มากกว่าแค่สถานะ ตำรวจผู้แก่กล้าอาคม โดยมียังมีจุดที่หนังละเลยที่จะสำรวจทั้งทัศนคติของตนต่อกฎหมายในมือมาเฟีย หรือแม้กระทั่งว่าอะไรที่หล่อหลอมให้ท่านมาสนใจเรื่องวิชาอาคมก็จะมีส่วนช่วยให้เรารู้จักตัวละครและอยากลุ้นกับภารกิจต่างๆมากขึ้น แต่กลับไปเล่าเรื่องราวของเสือไบเป็นตุเป็นตะจนเรารู้จักเรื่องราวของมหาโจรมากกว่าตัวพระเอกเองเสียอีก
แม้จะเต็มไปด้วยรอยแผลในระหว่างทางแต่อย่างน้อย ขุนพันธ์ ๒ ก็ยังมีมนตร์มากพอจะทำให้คนดูสนุกไปกับหนังได้ตลอดความยาว 2 ชั่วโมง 10 นาที หนังก็สามารถเอนเตอร์เทนเราด้วยฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ คาแรคเตอร์เท่ๆของเสือไบของ เป้ อารักษ์ และหน้าสวยๆของ ก้อย รัชวินทร์และ แม็กกี้ อาภา แค่นี้ก็เพลินจนลืมเวลาแล้วครับ