จักรวาล DC สะเทือน! เมื่อ "เฮนรี่ คาวิลล์" โบกมือลาบท Superman
กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงการภาพยนตร์กันเลยทีเดียว หลังจากที่ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้มีการประกาศออกมาว่า “เฮนรี่ คาร์วิลล์” ผู้รับบทซูเปอร์แมนใน Man of Steel และ Justice League ได้ยุติบทบาทดังกล่าวแล้ว
หลังจากสัปดาห์ก่อน เฮนรี่เพิ่งจะเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในซีรีส์เรื่องใหม่ของสตรีมมิ่งชื่อดังอย่าง Netflix เรื่อง The Witcher ซึ่งเป็นซีรีส์แนวแฟนตาซี ผจญภัย แม้ว่าจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการรับคิวงานการแสดง แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในการรับบทซูเปอร์แมนของเฮนรี่ ดูเหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีนัก
จนกระทั่งล่าสุดการเจรจาระหว่างเฮนรี่และสตูดิโออย่างวอร์เนอร์ ได้ยื่นข้อเสนอให้เฮนรี่มาถ่ายฉาก ซูเปอร์แมนปรากฏตัวแบบรับเชิญในหนังซูเปอร์ฮีโร่อย่าง Shazam! แต่การเจรจาก็ไม่ลงตัวและกลายเป็นว่า ความจริงแล้วสตูดิโออย่างวอร์เนอร์อยากจะผลักดันโปรเจ็คหนังซูเปอร์ฮีโร่หญิงอย่าง Supergirl มากกว่า แถมดีซีก็ตั้งเป้าไว้ว่าจะผลักดันตัวละครนี้ให้มาแทนที่ตัวละครซูเปอร์แมน ซึ่งเรื่องราวของซูเปอร์เกิร์ลนั้นจะเกิดขึ้นก่อนหน้าเหตุการณ์ใน Man of Steel นั่นหมายความว่าจะไม่มีตัวละครอย่างซูเปอร์แมนปรากฏตัวอยู่ในหนังอยู่แล้ว
ไม่เพียงเท่านั้นสตูดิโอวอร์เนอร์ ยังระงับโครงการภาคต่อของ Man of Steel ไป เท่ากับว่าจะยังไม่มีบทให้เฮนรี่ คาวิลล์มาแสดงหนังอยู่ดี การตัดสินใจถอนตัวจึงอาจจะเป็นเหตุผลที่ดูสมน้ำสมเนื้อที่สุด ประกอบกับ ข่าวลือที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ว่า เบน แอฟเฟล็คก็จะไม่ปรากฏตัวมารับบทเป็นแบทแมนอยู่ในหนังภาคแยกของ The Batman ผลงานการกำกับของแมต รีฟส์ นั่นอาจจะหมายความว่านักแสดงที่ยังคงเหลืออยู่ในจักรวาล DC จะมีแค่เพียง กัล กาด็อต (วันเดอร์วูแมน), เจสัน โมมัวร์ (อควาแมน) เรย์ ฟิชเชอร์(ไซบอร์ก) และ เอซรา มิลเลอร์(เดอะแฟลช) เท่านั้น
หลังจากที่ข่าวดังกล่าวแพร่ออกมา ทางสตูดิโออย่างวอร์เนอร์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงมีแถลงการณ์สั้นๆจากทางสตูดิโอว่า “ขณะนี้เรายังไม่ได้มีการตัดสินใจเกี่ยวกับหนังภาคใหม่ของซูเปอร์แมนในอนาคต แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ให้เกียรติกับความสัมพันธ์อันดีที่มีกับนักแสดงอย่างเฮนรี่ คาวิลล์มาโดยตลอด และมันจะไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน”
เมื่อเรามองย้อนกลับไปที่จักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ของดีซี เราจะเห็นรอยแผลและความพยายามมากมายที่ค่ายวอร์เนอร์และดีซี จะพยายามสร้างจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ตามรอยค่ายมาร์เวล แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องยอมรับว่า ด้วยการจักรวาลนี้มาช้าและวางแผนการสร้างภาพยนตร์ที่ไม่ได้รัดกุม ทิศทางในการรวมจักรวาลของดีซีจึงตะกุกตะกักไปหมด ทั้งความน่าผิดหวังจากผลตอบรับของผู้ชม นักวิจารณ์ ประกอบกับรายได้บนตางรางบ๊อกซ์ออฟฟิศของ Justice League ที่ล้มเหลว ก็ทำให้เห็นว่าคนดูส่วนมากยังไม่ได้ “รัก” จักรวาลนี้มากเท่ากับจักรวาลของมาร์เวล
ปัญหามากมายเกิดตามมาหลังจากจักรวาลดีซีพยายามเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงอยู่บ่อยครั้ง และแน่นอนว่าสตูดิโออย่างวอร์เนอร์ก็เคยมีความคิดที่จะ “รีเซต” จักรวาลดีซีอยู่เช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้น ณ เวลานี้เราคงต้องยอมรับว่าหนังเดี่ยวภาคแยกบางเรื่องของจักรวาลนี้อย่าง Wonder Woman ก็จัดว่าเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย และภาคต่อจะตามออกมาในปี 2019 ภายใต้ชื่อ Wonder Woman 1984 รวมไปถึงหนังเดี่ยวของตัวละครเดอะ แฟลชที่รับบทโดยเอซรา มิลเลอร์ มีแผนการสร้างแล้วเรียบร้อย และเตรียมเปิดกล้องในปีหน้า ซึ่งได้ผู้กำกับอย่างจอห์น ฟรานซิส ดาเลย์ และ โจนาธาน โกลด์สไตน์ มากุมบังเหียน
ในขณะที่หนังอย่าง The Batman เจ้าปัญหา ก่อนหน้านี้โปรเจ็คดังกล่าว แมต รีฟส์ ผู้กำกับก็ออกมาชี้แจงว่าหนังเรื่องนี้จะไม่ได้เล่าไปที่ต้นกำเนิดของแบทแมน (ที่คนดูน่าจะเบื่อกับการเห็นพ่อแม่ของแบทแมนโดนฆ่าตายสมัยยังเด็ก) แต่คนดูจะได้ทำความรู้จักกับตัวละครนี้ในฐานะนักสืบผู้ยิ่งใหญ่ ที่ตัวละครนี้ต้องตามไปสืบคดีหนึ่ง ก่อนที่จะพาผู้ชมเข้าไปทำความรู้จักกับเมืองก็อทแธมนั่นเอง
อย่างไรก็ตามความยุ่งเหยิงของจักรวาลฮีโร่ดีซีดูจะมีความเคลื่อนไหวที่ทำให้แฟนหนังต้องติดตามอยู่ตลอดเวลา แต่อย่างน้อยปลายปีนี้ Aquaman จะเข้าฉายอย่างแน่นอนในวันที่ 13 ธันวาคม 2561 ผลงานการกำกับของเจมส์ วานซึ่ง จะพาผู้ชมไปดูการชิงดีชิงเด่นระหว่างพี่น้องที่มีความขัดแย้งกันระหว่าง อาร์เธอร์ เคอร์รี่ หรือ อควาแมน (เจสัน โมมัวร์) กับ ออร์ม หรือ โอเชี่ยน มาสเตอร์ พี่ชายตัวร้ายของเขา (แพทริค วิลสัน)