ทิ้งทวนสัปดาห์สุดท้ายของ “Mr. Sunshine” กับบทสัมภาษณ์สุดพิเศษ 4 นักแสดงนำของซีรีส์สุดฮอต
หากจะบอกว่า นี่คือยุคแห่ง “ซีรีส์” ก็คงไม่ผิดนัก ในช่วงหลายปีหลัง ซีรีส์ที่ฉายทางโทรทัศน์ได้ก้าวเข้ามาเฉิดฉาย แบ่งรายได้และความนิยมไปจากภาพยนตร์ที่ฉายผ่านโรงหนังอย่างชัดเจน และความฮอตฮิตดังกล่าวก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะลดความแรงลงเลยแม้แต่น้อย
Mr. Sunshine หรือ สุภาพบุรุษตะวันฉาย ที่ออนแอร์ทางช่อง Netflix นับเป็นซีรีส์ออริจินัลสัญชาติเกาหลีอีกเรื่องที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงความเข้มข้น ความสมจริงแห่งยุคสมัยที่ย้อนกลับไปในช่วงชินมิยังเกียว หรือช่วงแห่งการเข้ามาของทหารอเมริกันในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เด็กชายชาวเกาหลีที่เกิดในครอบครัวคนรับใช้หนีไปพร้อมกับเรือรบอเมริกัน และกลับมาประเทศบ้านเกิดอีกครั้งในฐานะนายทหารประจำกองทัพเรือสหรัฐฯ แต่แล้วโชคชะตาก็ทำให้เขาตกหลุมรักลูกสาวของตระกูลผู้สูงศักดิ์ และได้เห็นถึงแผนการร้ายในการปกครองประเทศ ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยหนีจากไป เขียนบทโดย คิมอึนซุก และ ผู้กำกับ อีอึนบก คู่หูที่เคยฝากผลงานในซีรีส์สุดฮิตอย่าง Descendants of the Sun และ Goblin มาแล้ว
และเรื่องราวก็ดำเนินมาถึง 2 อีพีสุดท้ายในวันเสาร์และอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (29-30 กันยายน 2561) เวลา 21.00 น. แต่ก่อนจะรับทราบถึงบทสรุปความรักท่ามกลางความโกลาหลของชาติบ้านเมือง Sanook! TV/Movies มีโอกาสได้สัมภาษณ์ 4 นักแสดงนำของ Mr. Sunshine ผ่านทางอีเมล ไม่ว่าจะเป็น อีบยองฮอน พระเอกหนุ่มที่เคยโกอินเตอร์ถึงฮอลลีวูดมาแล้ว, คิมแทรี นักแสดงสาวหน้าหวานซึ่งเป็นที่รู้จักจากหนัง The Handmaiden รวมไปถึง ยูยอนซ็อก และ คิมมินจอง ที่รับบทเด่นไม่แพ้กัน มาฟังความรู้สึกที่มีต่อซีรีส์เรื่องนี้ และความในใจที่มีต่อเมืองไทยจากบทสัมภาษณ์ด้านล่างนี้ได้เลย
แนะนำบทบาทที่พวกคุณได้รับในซีรีส์ Mr. Sunshine สักหน่อย เผื่อใครยังไม่ได้ดู
อีบยองฮอน : ตัวละครที่ผมเล่นชื่อ ยูจีน ชเว ครับ เป็นชายที่เกิดมาในชนชั้นต่ำ เป็นทาสในโชซอน แต่ย้ายไปใช้ชีวิตในต่างแดนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และกลับมาที่โชซอนในฐานะกัปตันหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ ผมตกหลุมรักตัวละครนี้ในทันที่ที่ได้อ่านบทเลยครับ คาแรกเตอร์มีเอกลักษณ์และน่าสนใจมาก
คิมแทรี : ฉันเล่นเป็นหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ในตระกูลขุนนาง ที่ได้รับความเคารพจากทุกคนในโชซอน เธอชื่อ โกแอชิน ค่ะ เป็นคุณหนูที่พึ่งพาตัวเองได้ รักอิสระ และตัดสินใจที่จะเลือกทางเดินของตัวเอง ซึ่งแตกต่างจากหญิงสูงศักดิ์ทั่วไป ที่จะต้องเชื่อฟังและไม่ตอบโต้ใดๆ เธอปรารถนาที่จะใช้ชีวิตและตายไปเหมือน “ไฟ” เผชิญหน้าต่อสู้เพื่อประเทศชาติ และโอบกอดความรักเหมือนไฟที่ลุกโชติช่วงเลยล่ะค่ะ
คิมมินจอง : คุโด ฮินะ เป็นตัวละครที่ฉันได้เล่นค่ะ เธอเป็นผู้หญิงที่ดูเหมือนว่าจะมีพร้อมทุกอย่างนะ ทั้งอำนาจ เงินทอง และความสวยงาม แต่กลับต้องแบกรับความทุกข์ทนภายในหัวใจ ฮินะเป็นคนที่เท่ ทั้งนิ่ง และใจเย็น เพราะเธอผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามากมาย
ยูยอนซ็อก : ตัวละครที่ผมเล่นชื่อ กูดงแม ซึ่งถูกทอดทิ้งครับ ผมหมายถึงเขาถูกโชซอนทอดทิ้ง เขาเกิดมาในครอบครัวที่แตะต้องไม่ได้ และจะต้องจากโชซอนไปอย่างโดดเดี่ยว เหตุผลเดียวที่เขากลับมาก็คือ เขาไม่สามารถลืมผู้หญิงคนหนึ่งได้เลย หญิงสาวคนนั้นปฏิบัติกับเขาแบบมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ดงแมเป็นคนที่มีความสุดขั้ว 2 ด้านที่ขัดแย้งกัน ด้านหนึ่งเขาเป็นคนเลือดเย็น แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็มีความรักที่บริสุทธิ์ให้กับแอชิน
ความน่าหลงใหลของตัวละคร ในมุมมองของนักแสดงเช่นพวกคุณ?
คิมแทรี : โกแอชินไม่เคยลังเลในเส้นทางเดินของตัวเองที่เธอตัดสินใจแล้วว่าถูกต้อง แต่เมื่อเธอรู้ว่าเดินมาผิดทาง ก็ยอมรับข้อผิดพลาด และเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ได้รับ ฉันว่านี่แหละ ความน่าหลงใหลของโกแอชิน
คิมมินจอง : ส่วน คุโด ฮินะ รู้ว่าเวลาไหนควรจะปล่อยเหตุการณ์ให้ดำเนินไปอย่างไร ฉันคิดว่านั่นทำให้ตัวละครนี้เท่ เธอไม่ได้หมกมุ่นในสิ่งที่ไม่ได้เป็นของๆ เธอ และเธอก็รู้อย่างเต็มอกว่า เธอมีค่าเป็นอะไรในสายตาของคนที่เธอชอบ ซึ่งนั่นทำให้ฉันเห็นใจเธอมาก สิ่งที่ทำให้ฉันหลงใหลตัวละครนี้ที่สุด คงเป็นการที่เธอรู้ว่า เธอควรจะถอดใจกับสิ่งที่เธอต้องการอย่างไร
ยูยอนซ็อก : ดงแมไม่สนใจเลยสักนิดถ้าทุกคนบนโลกใบนี้จะเป็นศัตรูกับเขา ยกเว้นผู้หญิงคนเดียวในชีวิตเขาอย่าง แอชิน นั่นทำให้ผมสนใจในบทนี้
คิมแทรี ตอนภาพยนตร์เรื่อง The Handmaiden ก็เป็นหนังพีเรียดย้อนยุค Mr. Sunshine ก็เช่นเดียวกัน ความท้าทายในการแสดงหนังหรือซีรีส์พีเรียดสำหรับคุณมันคืออะไร?
คิมแทรี : ฉันไม่คิดว่าความท้าทายนั้นเกิดจากการที่เรื่องนี้เป็นซีรีส์พีเรียดนะ แต่มันมาจากที่พวกเราต้องไปถ่ายทำหลายสถานที่มาก ใน Mr. Sunshine ฉันได้ไปเที่ยวตามสถานที่สวยๆ หลายแห่งในเกาหลี จริงๆ แล้วฉันชอบการเดินขึ้นไปบนยอดเขานะ แต่การเดินเขาเพื่อขึ้นไปถ่ายทำนั้นค่อนข้างท้าทายมาก ยิ่งต้องใส่ชุดแสดงท่ามกลางอุณหภูมิในฤดูหนาว ตัวฉันหนาวจนแข็งไปเลยล่ะ
การได้ร่วมงานกับนักเขียนบทและผู้กำกับมือทองอย่าง คิมอึนซุก เจ้าของผลงาน อาทิ Descendants of the Sun, Lovers in Paris หรือ Secret Garden ที่โด่งดังมากๆ เป็นอย่างไรบ้าง?
อีบยองฮอน : ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่เข้าร่วมโปรเจกต์ที่มีคุณคิมอึนซุกเป็นผู้เขียนบท ผมรู้ว่าผมสามารถทำงานร่วมกับเธอได้เป็นอย่างดี นั่นคือเหตุผลใหญ่ที่สุดที่ผมรับเล่นซีรีส์เรื่องนี้ เธอเป็นคนสุภาพอ่อนโยนมาก แต่ผลงานของเธอช่างทรงพลังมากจริงๆ
คิมแทรี : ส่วนใหญ่ฉันจะพูดคุยกับคุณคิมอึนซุกเกี่ยวกับเรื่องบท ช่วงถ่ายทำฉันก็ทำงานกับผู้กำกับ อีอึงบก ทั้งคู่เป็นคนที่ทำงานด้วยง่ายมาก และไม่ได้เข้มงวดเกินไป ฉันเลยรู้สึกสนุกมากที่ได้ทำงานกับพวกเขา ทั้งคู่ทำงานด้วยกันได้อย่างดีเยี่ยมในทุกๆ ด้าน บางครั้งฉันรู้สึกว่ากำลังคุยกับคุณคิมอึนซุก ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วฉันยืนอยู่ในฉาก และคนที่ฉันกำลังคุยด้วยคือผู้กำกับอีอึงบกต่างหาก
คิมแทรี การทำงานกับผู้ชายที่ชื่อ อีบยองฮอน ได้มอบอะไรให้กับคุณบ้าง?
คิมแทรี : ฉันให้ความเคารพเขาในฐานะรุ่นพี่ในวงการ ฉันรู้ได้เลยว่าสามารถพึ่งพาเขาได้ เขาให้คำแนะนำด้านการแสดงเวลาที่ฉันมีปัญหาในการเข้าใจสถานการณ์ของตัวละคร ฉันสามารถแลกเปลี่ยนความคิดกับเขาได้อย่างอิสระ บ่อยครั้งทีเดียวที่ฉันได้คำตอบตอนที่คุยกับเขา
พวกคุณคาดหวังให้ Mr. Sunshine ก้าวไปไกลในระดับไหนของวงการซีรีส์?
คิมแทรี : ฉันไม่สามารถพูดได้ขนาดนั้น แต่ก็รู้สึกยินดีมากที่ผู้ชมชอบซีรีส์ของเรา
อีบยองฮอน : ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องความสำเร็จของซีรีส์มากเท่าใดนัก แต่ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ผมหวนนึกถึงความรู้สึกที่เคยทำละครเรื่อง Iris ซึ่งผ่านมาแล้ว 9 ปี มันน่าสนใจมากที่ได้เห็นว่าสิ่งต่างๆ รอบตัวเปลี่ยนไปมากแค่ไหน โดยเฉพาะกองถ่ายทำละครโทรทัศน์ ผมรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ในฐานะนักแสดงรุ่นพี่ในกองถ่าย
มาที่คำถามสบายๆ กันบ้าง หากพวกคุณสามารถย้อนกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในยุคชินมะยังเกียว ซึ่งเป็นแบ็กกราวด์ของซีรีส์เรื่องนี้ คุณอยากกลับไปทำอะไรในยุคนั้นมากที่สุด
อีบยองฮอน : ผมรู้สึกว่า มีภาพยนตร์หรือละครจำนวนไม่มากที่ถ่ายทำเรื่องราวในช่วงต้นทศวรรษที่ 1900 สถานการณ์ความวุ่นวายในช่วงนี้สามารถเป็นละครน้ำดีได้เรื่องหนึ่งแล้ว คิมแทรี คุณอยากกลับไปทำอะไรในตอนนั้น (หัวเราะ)
คิมแทรี : ฉันคิดว่า … ฉันอยากกลับไปเกิดเป็นทาส อย่างเช่น จองซอม (หัวเราะ)
คิมมินจอง : ฉันนึกไม่ออกเลยจริงๆ นะว่าฉันจะกลับไปทำอะไรในยุคนั้น แต่คิดว่า ฉันจะพยายามหาทางช่วยประเทศไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เหมือนกับตัวละครที่ฉันเล่น
แล้วถ้ามีโอกาสมาเมืองไทยล่ะ?
คิมแทรี : ฉันรักประเทศไทย! ฉันจะไปนวดแผนไทยทุกวันเลย ไปทานปูผัดผงกะหรี่ด้วย
ยูยอนซ็อก : ประเทศไทยมีอาหารอร่อยๆ เยอะมาก ผมเคยไปเที่ยวประเทศไทยครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว และผมก็ชอบอาหารทั้งหมดเลย รวมถึงสตรีทฟู้ดส์ด้วย พวกผัดไทย ปูผัดผงกะหรี่นี่ชอบมาก อยากกลับไปทานอีกรอบถ้ามีโอกาส
แฟนคลับชาวไทยต่างรอคอยให้มีงานแฟนมีตติ้งของพวกคุณ?
อีบยองฮอน : ได้ยินมาว่า เทรนด์เกาหลีเป็นที่นิยมมากๆ ในเมืองไทย ผมดีใจมากที่จะได้พบกับแฟนๆ ชาวไทยถ้ามีโอกาส
ยูยอนซ็อก : ใช่ครับ เหมือนพี่อีบยองฮอนเลย
คิมแทรี : ถ้าแฟนๆ อยากให้ไป ฉันไปแน่นอน แต่พวกเขาจะโอเคใช่ไหมถ้าฉันพูดภาษาเกาหลี (หัวเราะ)
อัลบั้มภาพ 33 ภาพ