รีวิว Venom คู่จิ้น ปรสิตต่างดาว!
ให้ตายเถอะครับ ก่อนหน้าที่ผมจะมีโอกาสได้ไปดู Venom ก็ต้องบอกตามตรงว่า ตอนแรกก็อ่านข้อมูลบทวิจารณ์และรีวิวมาจากเว็บไซต์เมืองนอก มีจำนวนไม่น้อยที่ด่าหนังซะเละเทะ เลยค่อนข้างเตรียมใจว่าหนังอาจจะไม่ได้ดีและเต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย อย่างที่กล่าวไปข้างต้นนั่นแหละครับว่าพอเราทำใจประมาณหนึ่งแล้วว่าเราจะต้องเจอกับอะไร เราก็จะพบว่า Venom ก็ไม่ใช่หนังที่เลวร้ายในระดับทุกข์ทรมานแบบตอนที่ดู Fantastic Four เวอร์ชั่นผู้กำกับจอร์จ แทรงก์
หนังอย่าง Venom ที่พยายามจะแตกจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ (หรือแอนตี้ฮีโร่) ของตัวเองออกมา เพียงเพื่อสตูดิโออย่างโซนี่ พิคเจอร์พยายามต่อลมหายใจให้กับลิขสิทธิ์ตัวละคร Spiderman (และตัวละครอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง Venom อยู่ในเกณฑ์นี้) เพราะถ้าหากไม่มีการสร้างหนังที่เกี่ยวข้องกับตัวละครเหล่านี้ ลิขสิทธิ์ในการสร้างหนังจะกลับคืนไปสู่อ้อมอกของค่ายมาร์เวลโดยอัตโนมัติ
หนังพาเราไปทำความรู้จักกับเอ็ดดี้ บร็อค (ทอม ฮาร์ดี้) นักข่าวจอมเถื่อนที่ทำอะไรตามใจตัวเอง นิสัยลุดะ โดยไม่สนใจเรื่องมารยาทและจรรยาบรรณสื่อทำให้เขากลายเป็นที่หลงรักของคนทั่วไป แต่ก็ไม่ใช่สำหรับคาร์ลตัน เดรค (ริซ อาห์เม็ด) นักวิทยาศาสตร์และเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังอย่างไลฟ์ ฟาวน์เดชั่น
เหตุการณ์ในช่วงเปิดเรื่องทำให้เราเห็นยานอวกาศลำหนึ่งของไลฟ์ ฟาวน์เดชั่นเกิดอุบัติเหตุและตกลงในประเทศมาเลเซีย (แต่พิจารณาจากสภาพต้นไม้แล้วดูเหมือนจะถ่ายทำกันในอเมริกานั่นแหละ ไม่ใช่ต้นไม้เขตร้อนชื้นเลยสักนิด 555) ผู้ชมได้รับรู้ว่าไลฟ์ ฟาวน์เดชั่นทำการเก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตต่างดาวมาเพื่อทำการวิเคราะห์และพยายามจะพัฒนาเทคโนโลยีให้มนุษย์สามารถออกไปใช้ชีวิตนอกโลกได้ในอนาคต
เอ็ดดี้ค้นพบเบาะแสว่าไลฟ์ ฟาวน์เดชั่นทำการทดลองด้วยการใช้มนุษย์เป็นหนูทดลองทางวิทยาศาสตร์และมีคนตาย แต่องค์กรพยายามปิดข่าวให้เป็นความลับ เอ็ดดี้พยายามเปิดโปงคาร์ลตัน เดรคแต่กลายเป็นความความพยายามดังกล่าวล้มเหลว ส่งผลทำให้เขาและแฟนสาวอย่างแอนน์ (มิเชลล์ วิลเลียมส์) ต้องพังพินาศ
6 เดือนถัดมาดร.สเกิร์ต (เจนนี่ สเลท) พยายามให้เอ็ดดี้ช่วยเปิดโปงไลฟ์ ฟาวน์เดชั่นในการใช้มนุษย์เป็นหนูทดลอง แต่อุบัติเหตุได้เกิดขึ้นทำให้ปรสิตจากต่างดาวเข้ารวมกับร่างของเอ็ดดี้และทำให้เขากลายร่างเป็นเวน่อม ความน่ารักของหนังอยู่ตรงนี้ เมื่อเอ็ดดี้ได้ยินเสียงในหัวของเขา ตอนแรกเขานึกว่าตัวเองเป็นบ้าแต่เมื่อร่างทั้งสองพยายามปรับจูนและปรับตัวเข้าหากัน ทั้งเวน่อมและเอ็ดดี้จึงเป็นเหมือนคู่หูคู่จิ้นที่ดูกวนตีนและห่วงใยซึ่งกันและกันอยู่ในที
แม้หนังจะไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายเลยสักนิดเดียว แถมกว่าฉากแอ็คชั่นฉากแรกจะมาถึงก็ปาเข้าไปเกือบชั่วโมง (หนังยาวราวชั่วโมงครึ่ง) จึงอดที่จะบอกไม่ได้ว่ากว่าหนังจะเริ่มสนุกจริงๆก็รอโมเมนต์นั้นอยู่นานโขทีเดียว แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องบอกตามตรงว่า Venom นั้นห่างไกลจากคำว่าห่วยแตกอย่างสิ้นเชิง บางทีเราอาจจะเบื่อที่ “โลกนี้มียอดมนุษย์มากเกินไปแล้วก็เป็นได้” (แต่เวน่อมในภาคนี้ก็พยายามเป็นแอนตี้ฮีโร่ที่ปกป้องโลกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเหมือนกัน)