เมื่อเอ็นเครดิตของภาพยนตร์ปรากฏชื่อ Bradley Cooper เป็นผู้กำกับ และทำดนตรีบางส่วนในภาพยนตร์ด้วย เราถึงกับอยากลุกขึ้นปรบมือให้ดังๆ กับความเก่งกาจหาใครเทียบได้ยากของเขา ที่นอกจากจะชวน Lady Gaga มาแสดงภาพยนตร์ดราม่าได้ดราม่าจริงๆ แล้ว ยังเหมาตำแหน่งนักร้อง นักดนตรีในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างแนบเนียนไม่มีที่ติ

mv5bmje3mdq0mta3m15bml5banbnx

A Star Is Born ไม่ได้เป็นหนังใหม่เอี่ยมอ่องฝีมือการกำกับเพียวๆ ของ Bradley Cooper หรอก แต่เป็นหนังรีเมคสุดอมตะที่ถูกสร้างมาแล้วถึง 3 ครั้งในปี 1937, 1954 และ 1976 ที่น่าแปลกคือหนังยุค ‘30s ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นิดๆ แบบนี้ ทำไมถึงนำมาสร้างซ้ำได้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นก็เป็นเพราะเนื้อหาในเรื่องที่เป็นอมตะ สามารถพบเห็นได้ในยุคปัจจุบัน ถึงขนาดที่ว่าตอนที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ สัมผัสได้ถึงความ “ปัจจุบัน” ของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องของชีวิตศิลปินหลังม่านเวทีที่สมัยก่อนเป็นอย่างไร สมัยนี้ก็ยังไม่ต่างกัน

A Star Is Born เป็นเรื่องราวของศิลปินหนุ่มชื่อดังพบกับหญิงสาวมากความสามารถโดยบังเอิญ และช่วยหยิบยื่นสปอต์ไลต์ฉายแสงให้เธอได้เป็นที่มองเห็นของคนทั่วไป จนกระทั่งเธอได้เป็นดาวสมใจ

เป็นหนังรีเมคทั้งที ก็ขอหยิบยกเอาเวอร์ชั่นเก่ามาเทียบกับเวอร์ชั่น 2018 กันสักเล็กน้อย ขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีเพลงเป็นตัวชูโรง เวอร์ชั่น 1976 จึงได้ Barbra Streisand มาเป็นนางเอกคู่กับ Kris Kristofferson ศิลปินชื่อดัง และเพลง “Evergreen” ที่ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ก็โด่งดังเป็นพลุแตกจนคว้ารางวัล Oscars มาได้ ซึ่งประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับภาพยนตร์ที่ทำรายได้ไปไม่น้อย

Kris Kristofferson และ Barbra Streisand ใน A Star Is Born (1976)

เวอร์ชั่น 2018 ได้ Bradley Cooper ที่เป็นนักแสดงแท้ๆ มานำแสดงเป็นบทศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เดินไปไหนมาไหนทุกคนก็รู้จัก และได้ Lady Gaga มารับบทนางเอกที่มีความเป็นศิลปินอยู่เต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่ขาดคือหน้าตาสวยงามที่ค่ายเพลงต้องการ และโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถออกมาให้ทุกคนได้เห็น และยอมรับ งานหนักของทั้งคู่เห็นจะเป็นนักแสดงอย่าง Bradley Cooper ที่ต้องมารับบทเป็นนักร้องมืออาชีพเป็นครั้งแรก ส่วน Lady Gaga ศิลปินระดับโลกที่ต้องมาแสดงภาพยนตร์ดราม่าอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกเช่นกัน

นอกจากจะเป็นเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ Bradley Cooper กำกับเองแล้ว ยังเป็นครั้งแรกของเขากับ Lady Gaga ที่ร่วมกันแต่ง และโปรดิวซ์เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้เกือบทั้งหมด และยังร่วมเขียนบทด้วยอีกต่างหาก เรียกได้ว่ามีส่วนร่วมในภาพยนตร์เรื่องนี้แทบจะทั้งหมด เห็นอย่างนี้เขามาไม่ได้ทำได้เองทุกอย่าง Bradley Cooper ลงทุนเรียนร้องเพลงนานถึง 18 เดือน และเรียนกีตาร์อยู่นานก่อนจะมาแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ก็ต้องขอบอกว่าสำหรับคนที่เพิ่งเรียนร้องเรียนเล่นเครื่องดนตรีได้ไม่นาน ความสามารถทางด้านดนตรีของเขา บวกกับการแสดงเป็นศิลปินคันทรี่ร็อคมีเสน่ห์แต่ขี้เหล้าเมายาของเขาทำให้เราเชื่อได้สนิทใจว่าเขาคือศิลปินมืออาชีพที่มีชื่อเสียงระดับประเทศจริงๆ เพราะการแสดงโชว์ให้เห็นความสามารถในการร้องเพลง และการเล่นกีตาร์ของเขาได้อย่างถนัดตาในหลายๆ ฉาก

ชม Bradley Cooper ไปแล้ว คงต้องชมฝ่ายหญิงอย่าง Lady Gaga บ้าง แม้ว่าจะได้เล่นบทนำในภาพยนตร์ดราม่าหนักๆ ครั้งแรก (แถมยังเป็นภาพยนตร์เพลงเสียด้วย) แต่เธอก็สอบผ่านได้ฉลุยในแง่ของการแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้า และสายตา โดยเฉพาะเมื่อนางเอกของเรื่องที่เขาปูเรื่องมาว่าเป็นคนที่มีความสามารถ แม้ว่าหน้าตาจะไม่ตรงกับพิมพ์นิยมของป็อปสตาร์ทั่วไปสักเท่าไร แต่เมื่อได้เห็นความสามารถในการร้องเพลง และเล่นดนตรีอย่างเปียโนของเธอแล้ว ก็ทำให้คนดูแอบลุ้นแอบเชียร์ให้เธอได้เป็นศิลปินที่โด่งดังขึ้นมาได้จริงๆ (เนื้อเรื่องแอบละม้ายคล้ายชีวิตจริงของสาว Lady Gaga จนนึกว่ากำลังเล่นเป็นตัวเองอยู่เลยทีเดียว)

Lady Gaga และ Bradley Cooper ใน A Star Is Born (2018)

สิ่งที่อยากชมมากๆ อีกสักนิดคือเรื่องของบทที่เขียนออกมาได้อย่างน่าสนใจ จากโครงเรื่องแห้งๆ เวอร์ชั่นเก่า เอามาปัดฝุ่นใหม่ ใส่ตัวอุปสรรค ใส่ความเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้นอีกนิด บวกกับการสอดแทรกข้อมูลเพิ่มเติมของตัวละครลงไปเรื่อยๆ ตลอดเนื้อเรื่อง ทำให้เราเข้าใจถึงความรู้สึก และเหตุผลของการกระทำของตัวละครต่างๆ ได้ดีว่าทำไมคนนี้ถึงทำอย่างนี้ คนนั้นถึงทำอย่างนั้น บทตัวอุปสรรคอย่างบทพี่ชายของพระเอก หรือผู้จัดการส่วนตัวของนางเอกก็ถือว่าทำหน้าที่สร้างเรื่อง สร้างปมขอตัวละครได้ดี และเมื่อโฟกัสที่เนื้อเรื่องของตัวละครที่เป็นศิลปิน ชีวิตเละเทะจากการเป็นคนติดแอลกอฮอล์ และยาเสพติดทำให้อนาคตศิลปินดับวูบ ก็สมจริงเสียจนคิดไปว่า เมื่อก่อนเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น ช่างเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่อยากให้ใครเกิดขึ้น และอยากให้ศิลปินตัวจริงได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วกลับไปคิดให้ได้ว่า “เรากำลังใช้ชีวิตแบบนี้อยู่หรือเปล่า”

สรุปแล้ว A Star Is Born เป็นภาพยนตร์ดราม่าประกอบเพลงเพราะๆ ที่อัดแน่นมากถึง 34 เพลง เพลงเด่นๆ อย่าง “Shallow” และ “I’ll Never Love Again” สามารถเรียกน้ำตาคนดูได้ยาก ช่วงกลางๆ เรื่องอาจจะเอื่อยๆ ไปบ้าง แต่เมื่อเลี้ยวเข้าสู่ช่วงท้ายของเรื่อง ไม่มีใครที่ดูแล้วไม่สะเทือนใจ แม้ว่าเนื้อเรื่องจะพอเดาได้จากการใส่ “คำใบ้” เล็กๆ น้อยๆ ผ่านเนื้อเรื่อง และคำพูดของตัวละคร แต่ก็ยังแอบลุ้นว่าขอให้ตัวละครพลิกสถานการณ์ได้ สุดท้ายแล้วเชื่อว่าใครที่อยากฟังเพลง ฟังเสียงเพราะๆ จากนักแสดง และอยากเรียนรู้ชีวิตของร็อกสตาร์ที่แท้จริง กว่าจะมายืนอยู่บนเวที กว่าจะได้อยู่กับค่ายเพลง กว่าจะถ่ายรูปลงปกอัลบั้ม หรือกว่าจะขึ้นไปยืนรับรางวัลบนเวที Grammy Awards ต้องผ่านอะไรมาบ้าง แล้วทำไมถึงมีบางส่วนอยู่รอดปลอดภัยมาได้หลายปี ในขณะที่บางคนมีชื่อ มีเพลงฮิตไม่กี่เพลงก็ล้มหายตายจากไปหมด ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคำอธิบายอย่างจับต้องได้ และเรียลมากๆ ให้เราได้ชม ได้เข้าใจกัน

คลิกเพื่อฟังเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง A Star Is Born ทั้งหมด

อัลบั้มภาพ รีวิว A Star Is Born เมื่อนักร้องมาเล่นหนัง และนักแสดงหนังมาเล่นเป็นนักร้อง ภาพที่ 4 / 5

รีวิว A Star Is Born เมื่อนักร้องมาเล่นหนัง และนักแสดงหนังมาเล่นเป็นนักร้อง

อัลบั้มภาพที่เกี่ยวข้อง

Netflix มาใหม่ประจำเดือนธันวาคม คัดเน้นๆ เด็ดๆ ส่งท้ายปี 2563

“A Star is Born” แบรดลี่ย์ คูเปอร์ แจ้งเกิดในฐานะศิลปิน เลดี้ กาก้า แจ้งเกิดในฐานะนักแสดง

บียอนเซ่ เตรียมนำแสดงในหนังที่แบรดลีย์ คูเปอร์ กำกับใน A Star Is Born