“A Star is Born” แบรดลี่ย์ คูเปอร์ แจ้งเกิดในฐานะศิลปิน เลดี้ กาก้า แจ้งเกิดในฐานะนักแสดง
นับวันเวลาก็หายหน้าไป 4 เดือนเต็มๆ เลยนะครับที่ผมไม่ได้โผล่หน้ามาเขียนเรื่องราวภาพยนตร์ต่างๆ ให้คุณอ่านเลย ขออภัยอย่างสูงครับ สาเหตุก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้นผมกลายเป็นผู้ประสบภัยพิบัติทางการงานครับ โดนพายุงานพัดกระหน่ำรุมเร้าเสียจนหมดเรี่ยวแรง หนังอะไรก็ไม่ค่อยได้ดู พอดูแล้วก็หาเวลาเขียนไม่ได้ อืม... ก็ฟังดูเหมือนแก้ตัวนะครับ แต่ก็เป็นอย่างแก้ตัว เอ้ย! ชี้แจงไปนั่นทุกประการแหละครับ แต่เอาเป็นว่าตอนนี้พายุงานค่อยๆ สงบลงแล้ว ก็คงจะกลับมาเขียนให้ท่านอ่านอีกบ่อยๆ แต่จะรักษาความถี่ไปได้นานแค่ไหนนั้น มีแต่พระเจ้าเท่านั้นครับที่รู้คำตอบ ฮ่าๆ
สัปดาห์ที่แล้ว ผมไปดูหนังเรื่อง “A Star is Born” ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของ แบรดลี่ย์ คูเปอร์ มาครับ หากคุณยังจำเขาได้ แบรดลี่ย์ คูเปอร์ คือนักแสดงชายฝีมือดีคนหนี่ง เขามีผลงานน่าจดจำหลายเรื่องครับ อาทิ “The Hangover”, “Silver Linings Playbook”, “American Hustle”, “American Sniper” และเป็นผู้ให้เสียงร็อคเก็ตใน “Guardians of the Galaxy” ด้วย หลังจากลองงานเบื้องหน้ามาพอสมควรแล้ว คูเปอร์ คงอยากลองงานเบื้องหลังอย่างการกำกับภาพยนตร์ดูบ้าง “A Star Is Born” ก็เลยกลายเป็นโปรเจกต์ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ของเขาครับ โดยได้นักร้องสาวชื่อดังอย่าง เลดี้ กาก้า มาแสดงนำคู่กัน
“A Star is Born” ไม่ใช่หนังใหม่นะครับ มันเป็นหนังที่เคยสร้างมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกในปี 1954 กำกับโดย วิลเลียม เอ เวลแมน นำแสดงโดย จาเน็ธ เกย์เนอร์ และ เฟรดริค มาร์ช ส่วนครั้งที่สองในปี 1976 นำแสดงโดย บาร์บรา สตรัยแซนด์ และ คริส คริสตอฟเฟอร์สัน (เป็นศิลปินเพลงพ็อพที่ดังในยุค 70-80’s ทั้งคู่) กำกับโดย แฟรงค์ เพียร์สัน และเวอร์ชั่นล่าสุดก็คือเวอร์ชั่นของ แบรดลี่ย์ คูเปอร์ นี่แหละครับ (อ้อ แถมยังเคยมีเวอร์ชั่นที่เป็นหนังเพลงกับบอลลีวู้ดอีกด้วยนะครับ)
ผมมองว่าการที่ คูเปอร์ เลือกชิมลางกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของตัวเองด้วยหนังเพลงที่เคยทำมาแล้วสองครั้งก็อาจเพราะเหตุผลสองประการครับ คือหนึ่งมันเป็นการลดความเสี่ยงว่าหนังอาจจะแป้กได้ในระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยที่สุดหนังเวอร์ชั่นเก่าๆ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จตามสมควร ถือว่าพอมีรูปมีรอยให้เดินตามเป็นแนวทาง ไม่ถึงกับเคว้งคว้างหาทางไปไม่เจอ แถมหน้าหนังของ “A Star is Born” ก็เป็นหนังเพลงที่ถือว่าขายได้ไม่ยาก ที่สำคัญเขาได้พ็อพไอคอนระดับแม่เหล็กอย่าง เลดี้ กาก้า มาแสดงนำร่วมกัน ดูแล้วก็น่าจะพอขายได้ครับ เรื่องความเสี่ยงนั้นมันก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่การเริ่มบทบาทใหม่ในฐานะผู้กำกับด้วยโปรเจกต์นี้ผมก็คิดว่ามันก็เป็นการวางแผนที่รอบคอบอยู่พอสมควรครับ
แต่ผมก็คิดอีกว่านั่นยังไม่เท่ากับเหตุผลข้อที่สอง นั่นคือหลังจากที่ดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว ผมคิดว่าหนังมันน่าจะเติมเต็มความปรารถนาบางอย่างในตัว แบรดลี่ย์ คูเปอร์ เองในฐานะศิลปินเพลง หรืออาจไต่ไปถึงระดับร็อคสตาร์อยู่เหมือนกันนะครับ คือบอกตรงๆ ว่าคูเปอร์สวมบทบาทเป็น แจ๊คสัน เมน นักร้องสายคันทรี ร็อค ระดับประเทศได้แนบเนียนเหมือนเป็นศิลปินอาชีพจริงๆ เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าในการเพอร์ฟอร์มบนเวที ลงจากหลังเวทีมาแบ็คสเตจ หรือแม้แต่ความโศกเศร้า หน่ายโลก อาการของคนติดสุรา แพสชั่นของการค้นพบดาวดวงใหม่ของวงการเพลง (ตามเนื้อเรื่องก็คือค้นพบ เอลลี่ หรือ เลดี้ กาก้า นั่นเอง) การฟื้นฟูบูรณะชีวิตปรักหักพังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง อะไรต่างๆ เหล่านี้ รวมทั้งบางซีนที่โชว์เสียงร้องของเขาเพียวๆ ด้วย แบรดลี่ย์ คูเปอร์ ทำได้ดีมากจนผมอดคิดไม่ได้ว่าหมอนี่มันน่าจะเป็นเอาดีทางศิลปินไปเลยก็ยังได้
ในแง่นี้ “A Star is Born” ก็อาจจะหมายถึงตัว แบรดลี่ย์ คูเปอร์ เสียเอง คือ เลดี้ กาก้า เธอก็โอเคมากนะครับกับการแสดงอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในบท เอลลี่ สตาร์ผู้แจ้งเกิดตามเนื้อเรื่องในหนัง มีซีนที่เธอต้องแสดงอารมณ์ต่างๆ ปะปนคละเคล้ากันมากมาย ถ้า “A Star is Born” หมายถึงการแจ้งเกิดในฐานะศิลปินของ คูเปอร์ ได้ ก็อาจจะหมายถึงการแจ้งเกิดของ กาก้า ในฐานะนักแสดงได้เช่นกัน (แม้ผมยังรู้สึกว่าหนังดูตั้งใจ “ส่ง” แบรดลี่ย์ คูเปอร์ อยู่นิดๆ ก็แหงล่ะครับ เขาเป็นผู้กำกับเองนี่)
แต่ถ้าว่ากันอย่างแฟร์ ในฐานะหนังเพลง ผมก็คิดว่า “A Star is Born” ก็เป็นหนังที่โอเคในระดับหนึ่งนะครับ ดูแล้วก็ประทับใจดี แต่ยังไม่ถึงกับดีมาก มีความเฉิ่มๆ เชยๆ นิดหน่อย แถมช่วงกลางเรื่องก็อืดเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต้มแล้วทิ้งไว้นานๆ เลยครับ คือดูเหมือนเป็นหนังในยุคก่อนสักราวๆ 10-15 ปีที่แล้วยังไงพิกล แถมตอนจบที่เป็นหมัดเด็ดของเรื่องนั้นก็อยู่ในระดับที่ “เดาได้”
ดังนั้นเมื่อเทียบกับหนังในสกุลเดียวกันอย่าง “Begin Again”, “Sing Street” ของ จอห์น คาร์นี่ย์, “Inside Llewyn Davis” ของ พี่น้องโคเอน หรือย้อนหลังไปไกลหน่อยอย่าง “Music & Lyrics” (เรื้องนี้ออกจะฟีลกู้ดนิดๆ) ก็ยังเป็นรองครับ
แต่ก็ถือว่าเป็นหนังที่ดูได้สนุก และประทับใจนะครับ แค่ไม่ตราตรึงใจไปตลอดกาลเท่านั้นเอง แต่ก็นั่นก็อาจเพียงพอแล้วสำหรับหนังเรื่องแรกของผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง แบรดลี่ย์ คูเปอร์ ผลงานเรื่องต่อไปของเขาต่างหากครับ ที่อาจจะต้องจับตาดูมากกว่านี้
เกี่ยวกับผู้เขียน
จักรพันธุ์ ขวัญมงคล
นักเขียน นักแปล นักวิจารณ์ภาพยนตร์ และบรรณาธิการอิสระ สนใจความเคลื่อนไหวในแวดวงศิลปะและสังคม
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ