เชือดดุ Halloween รีบูตจักรวาลครั้งสำคัญ

การกลับมาครั้งสำคัญของหนังสยองขวัญสุดคลาสสิคตลอดกาลอย่าง Halloween ผลงานการกำกับของเดวิด กอร์ดอน กรีน ซึ่งเปิดตัวไปด้วยรายได้สูงถึง 77.5 ล้านเหรียญในอเมริกา ขึ้นแท่นตำแหน่งหนังเรท R ที่เปิดตัวสุดสัปดาห์สูงสุดตลอดกาลเป็นอันที่ 2 เป็นรอง หนังสยองขวัญอย่าง IT (2017) ที่ทำรายได้เปิดตัวที่ 153 ล้านเหรียญฯ อะไรคือความพิเศษของ Halloween ในเวอร์ชั่นปี 2018 ที่คุณจำเป็นต้องรู้บ้าง 

นี่คือการรีบูตจักรวาล Halloween ครั้งสำคัญ

ในปี 1978 Halloween จัดเป็นหนังสยองขวัญแนวฆาตกรรม ผลงานการกำกับและเขียนบทของ จอห์น คาร์เพนเตอร์ ด้วยบรรยากาศการดีไซน์ตัวละครฆาตกรภายใต้หน้ากากอย่างไมเคิล ไมเออร์ส ให้เป็นคนที่นิ่งเงียบและปรากฏตัวแบบไม่ทันตั้งตัว แถมยังมีการวางแผนสังหารเหยื่อด้วยวิธีการอันแยบยล

ประวัติของไมเคิล ไมเออร์สนั้น เขาเกิดวันที่ 29 ตุลาคมปี 1957 ในเมืองแฮดดอนฟิลล์ รัฐอิลลินอยส์ เขาใช้ชีวิตอยู่กับแม่ พี่สาวและน้องสาวคนเล็ก จนกระทั่งเมื่อไมเคิลอายุย่างเข้า 6 ขวบ ไมเคิลใช้มีดทำครัวกระหน่ำแทงพี่สาวของตัวเองในระหว่างที่มีเซกส์กับแฟนหนุ่มจนเสียชีวิต ทำให้เขาถูกส่งเข้าไปอยู่ในสถานจิตเวทสมิธโกฟ ภายใต้การดูแลของ ดร.แซม ลูมิส เวลาผ่านไปถึง 15 ปี ไมเคิลหนีออกมาจากสถานบำบัดและกลับไปยังเมืองเกิดอีกครั้ง แต่คราวนี้ไมเคิลจับจ้องที่จะฆ่าเหยื่อที่ชื่อว่า ลอรี สโตรด (เจมี ลี เคอร์ติส) พี่เลี้ยงเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ใดๆ

ความสำเร็จของหนังภาคแรกทำให้เกิดภาคต่อตามมาอีกหลายภาค รวมไปถึงการรีเมคหนังเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ในปี 2007 อันเป็นผลงานการกำกับของร๊อบ ซอมบี้ เราอาจจะได้รับรู้เส้นเรื่องอันหลากหลายของแฟรนชายส์ Halloween แต่ก่อนที่คุณจะไปชมหนังภาคล่าสุดนี้ ขอให้ล้างความทรงจำของหนังภาคต่อและเวอร์ชั่นรีเมคไปให้หมดสิ้น เพราะหนังภาคนี้จะเล่าเรื่องต่อจากเหตุการณ์ในหนังภาคแรกของปี 1978 เท่านั้น

การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย (จริงหรือ?)

เจมี ลี เคอร์ติส กลับมารับบทลอรี สโตรด ที่โด่งดังของเธออีกครั้ง เพื่อเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายกับไมเคิล ไมเออร์ส ชายสวมหน้ากาก ผู้ตามหลอกหลอนเธอตั้งแต่ที่เธอรอดตายอย่างหวุดหวิดจากการคลั่งสังหารของเขาในคืนวันฮัลโลวีนเมื่อสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันลอรีใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับลูกสาวคาเรน (จูดี้ เกียร์) ผู้ถูกแยกจากเธอตั้งแต่ตอนเด็ก ส่งผลทำให้คาเรนทั้งสงสาร เป็นห่วงและหงุดหงิดที่แม่ของตัวเองเป็นโรคหวาดระแวงไม่จบสิ้น นอกจากนี้คาเรนยังมีอัลลิสัน (แอนดี้ มาทิชัค) ลูกสาววัยรุ่นของคาเรนผู้พยายามประสานรอยร้าวระหว่างแม่และคุณยายของเธอ ลอรี รู้ดีว่าสักวันหนึ่งไมเคิลจะกลับมาฆ่าเธอ ตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมาลอรีจึงพยายามฝึกการป้องกันตัวเองและเชื่อว่า ถ้าครั้งนี้ไมเคิลกลับมาตามล่าเธอ ใครสักคนจะต้องตาย!

การเขียนบทและรื้อทุกอย่างใหม่

ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อทีมเขียนบทของ Halloween 2018 ตั้งสมมติฐานว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าไมเคิล ไมเออร์สถูกจับในตอนจบของ Halloween แล้วถ้าลอรีกับไมเคิลไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ (ในหนังภาค 2 ในปี 1981 มีการเฉลยว่าจริงๆแล้วลอรี่กับไมเคิลเป็นพี่น้องกัน) แต่เป็นคนแปลกหน้าสองคน ผู้ที่การพบกันโดยบังเอิญเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนทั้งคู่ล่ะ มันจะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้างกับเรื่องราวที่เริ่มต้นขึ้นในปลายยุค 70s และมันจะเปลี่ยนแปลงการดำเนินเรื่องของทั้งนางเอกและตัวร้ายอย่างไรบ้าง จนกระทั่งเมื่อบทภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมที่มีทั้ง จอห์น คาร์เพนเตอร์และเจมี ลี เคอร์ติส ที่นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ของหนัง ทุกอย่างก็ได้รับความเห็นชอบและผ่านไปได้ด้วยดี

การกลับมาของพี่เลี้ยงเด็กในตำนาน

ปลายยุค 70 เจมี ลี เคอร์ติสผู้รับบทลอรี (และเธอก็แจ้งเกิดและโด่งดังจากบทบาทนี้เช่นเดียวกัน) เธอกลายเป็นสัญลักษณ์ของตัวละคร Final Girl หรือผู้หญิงคนสุดท้ายในหนังสยองขวัญที่ไม่ยอมกลายเป็นเหยื่อของความรุนแรง อย่างไรก็ตามตอนแรกเจมี ยังรู้สึกลังเลตอนเธอได้ยินข้อเสนอในการกลับมารับบทบาทเดิมใน Halloween แต่ถึงอย่างนั้นเจมี เลือกที่จะบอกผู้กำกับเดวิด กอร์ดอนกรีนว่า ‘อย่าเพิ่งพูดเลยค่ะ ส่งมันมาให้ฉันเถอะ แล้วฉันจะบอกคุณจากซีเควนซ์เปิดตัวเองนั่นแหละ’”

เมื่อเจมีได้อ่านบทครั้งใหม่ของเธอ เธอชอบมันเพราะหนังภาคนี้เป็นหนังที่ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง แค่มันมีความหลังเชื่อมโยงกับอดีตเท่านั้นเอง แต่มันก็เป็นเรื่องราวของมันเองใน 40 ปีให้หลัง หนังทั้งสองเรื่อง เมื่ออยู่คู่กันแล้ว ก็เป็นสิ่งที่เติมเต็มกันและกันได้อย่างดี มันบอกเล่าเรื่องราวเดียวกันนี้ให้คนรุ่นใหม่ในแบบเดิมที่เรียบง่าย ชัดเจนและน่าจดจำในแบบที่ Halloween เคยเป็นและยังคงเป็นอยู่ เคอร์ติสรู้สึกถูกดึงดูดเข้าหามุมมองที่มือเขียนบทมีต่อผู้หญิงที่ใช้เวลาทั้งชีวิตของเธอ ปีละ 365 วัน ไปกับการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับการกลับมาของอสุรกายที่บุกรุกเข้ามาในโลกของเธอ ถึงกระนั้น ด้วยการปฏิเสธที่จะไม่ยอมเป็นเหยื่อของไมเคิล ไมเออร์สอีกต่อไปแล้ว

หนังภาคนี้จึงเป็น “สงคราม” ระหว่างไมเคิลและลอรี่ ที่ต่างฝ่ายต่างตั้งรับขับสู้กันนานถึงกว่า 40 ปี!