รีวิว Halloween 40 ปียังไม่สายที่จะฆ่ากัน (อีกครั้ง)

รีวิว Halloween 40 ปียังไม่สายที่จะฆ่ากัน (อีกครั้ง)

รีวิว Halloween 40 ปียังไม่สายที่จะฆ่ากัน (อีกครั้ง)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

เด็กวัยรุ่นยุคนี้อาจจะไม่ค่อยรู้จักหนังสยองขวัญเรื่อง Halloween กันสักเท่าไหร่ เผลอๆพูดชื่อฆาตกรในตำนานอย่าง ไมเคิล ไมเออร์ส อาจจะทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก ว่าตานี่มันเป็นใครกันหนอ แต่ถ้าหากย้อนช่วงเวลากลับไปในปี 1978 หนังเรื่องนี้จัดได้ว่า กลายเป็นปรากฏการณ์หนังสยองขวัญไล่เชือดที่สร้างตัวละครไอคอนในตำนานขึ้นมาเลยทีเดียว เพราะตัวละครฆาตกรโรคจิตอย่างไมเคิล ไมเออร์สนั้นเป็นฆาตกรที่ฉลาด มีพละกำลังมหาศาลและมีเป้าหมายสังหารเหยื่อแบบไม่จำกัดเพศ วัย อายุ แต่เป้าหมายหลักของเขาคือพี่เลี้ยงเด็กที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้อย่างลอรี สโตรด (เจมี ลี เคอร์ติส)

 

จากวันนั้นถึงวันนี้ Halloween มีการสร้างภาคต่อมาหลายภาค และยังมีการรีบูตสร้างใหม่ ทำให้เราเห็นถึงเส้นทางอันยาวนานของแฟรนชายส์สยองขวัญเรื่องนี้ แต่ภาคต่อหลายภาคก็โดนโจมตีว่าเป็นผลงานแย่ๆ ที่หยิบเอามาแต่ตัวละคร แต่ไม่มีความสร้างสรรค์ในการเขียนบทหรือกำกับให้ชาญฉลาดแต่อย่างใด

 

การกลับมาของ Halloween ในปี 2018 ผลงานการกำกับของเดวิด กอร์ดอน กรีน จึงเลือกจะคว่ำกระดานทุกอย่างและเลือกจะเปลี่ยนจักรวาลแฟรนชายส์ใหม่ ด้วยการเล่าตัวเองเป็นภาคต่อ หลังจากเหตุการณ์ในหนังภาคแรกของปี 1978 ว่า 40 ปีให้หลังนั้นเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครทั้งสองฝั่งบ้างทั้งฝ่ายเหยื่อและผู้ล่า

 

 

40 ปีแห่งการรอคอย ไมเคิลเฝ้ารอวันที่จะได้ออกจากสถานบำบัดจิตเพื่อกลับไปเชือดลอรี่อีกครั้ง ในขณะที่เหยื่ออย่างลอรี่เอง ก็ฝังใจกับเหตุการณ์ในวัยรุ่นและทำให้ตัวเองพยายามป้องกันตัวเองด้วยการฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ การยิงปืน รวมไปถึงสร้างบ้านของตัวเองให้กลายเป็นเหมือนป้อมปราการพร้อมรบ เพื่อรอการกลับมาของไมเคิล (ในสักวันหนึ่ง) แต่ความวิตกจริตดังกล่าว กลับไม่ส่งผลดีต่อตัวเธอนัก หนังเผยให้เราเห็นว่าชีวิตครอบครัวของลอรี่ล้มเหลว แต่งงาน เลิกรา มีลูกแต่ลูกกลับรู้สึกห่างเหินจากแม่ของเธอ

 

ความสัมพันธ์อันระหองระแหงของเธอกับลูกสาวอย่างคาเรน (จูดี้ เกียร์) ผู้ถูกแยกจากเธอตั้งแต่ตอนเด็ก ทำให้คาเรนทั้งเป็นห่วงและหงุดหงิดในสภาพอันน่าเวทนาของแม่เธอ ในขณะที่หลานสาวอย่าง อัลลิสัน (แอนดี้ มาทิชัค) ลูกสาววัยรุ่นของคาเรน พยายามจะประสานรอยร้าวดังกล่าวให้สำเร็จ

 

 

ตัวหนังในเวอร์ชั่นนี้นอกจากจะมีความคาราวะผลงานต้นฉบับด้วยการให้ตัวละครไมเคิลมีความลึกลับ คลุมเครือตลอดเวลา แต่หนังยังมีความร่วมสมัยด้วยการให้ตัวละครดู “ไม่โง่” อย่างไร้เหตุผล ส่วนมากเหยื่อในหนังภาคนี้ตายเพราะความไม่ระแวดระวังภัยและไม่คิดว่าความตายจะเข้ามาเยือนถึงในบ้าน ทั้งที่พวกเขาใช้ชีวิตตามปกติ

 

 

สิ่งที่พิเศษที่สุดใน Halloween ภาคนี้คือการที่หนังพยายามนำเสนอตัวละครที่เป็นนักข่าวซึ่งพยายามจะรบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์สภาพจิตใจของตัวละครทั้งฝั่งเหยื่อและผู้ล่า พวกเขาพยายามทำตัวฉลาดและพยายามทำความเข้าใจตัวละครอย่างลึกซึ้ง แต่ท้ายที่สุดแล้วตัวละครนี้กลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ มิหนำซ้ำพวกเขายังใช้วิธีการเอาตัวรอดได้สิ้นคิดและตายในน้ำมือของไมเคิลอย่างน่าเอน็จอนาจ บางทีฉากเหล่านี้กำลังจะสื่อสารกับผู้ชมว่า บางทีหนังสยองขวัญไล่เชือด ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องทำตัวเป็นหนังฉลาด วิเคราะห์ตัวละครเสมอไปก็ได้ บางทีเราอาจจะต้องการแค่ความระทึกขวัญและความสนุกก็เท่านั้นเอง!

 

40 ปีของการกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งระหว่างลอรี่และไมเคิล จึงกลายเป็นสงครามและการไล่ล่าครั้งนี้จึงสมน้ำสมเนื้อและสาแก่ใจแฟนหนัง Halloween ยิ่งนัก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook