รีวิว The Grinch เปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยน
จากหนังสือการ์ตูน นิทานภาพสำหรับเด็กผลงานการเขียนของ ดร.ซูส (ธีโอดอร์ ซูสส์ ไกเซิล) ซึ่งใช้ภาษาเข้าใจง่าย แฝงอารมณ์ขัน มีจุดเด่นคือภาษาที่ใช้นั้นจะเป็นสัมผัสสระคล้องจอง อีกทั้งยังแฝงปรัชญาชีวิตชวนคิด ซึ่งนอกจากเด็กๆจะได้คำสอนแล้ว ยังได้เกร็ดความคิดในการพัฒนาชีวิตให้เขาเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีอีกด้วย
สำหรับหนังสือ How the Grinch Stole Christmas เคยได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2000 ในชื่อเดียวกันกับหนังสือ ผลงานการกำกับของรอน โฮเวิร์ด นำแสดงโดยจิม แครี่แม้คำวิจารณ์จะค่อนข้างไม่สู้ดีนัก แต่ช่วงเวลาที่เข้าฉายหนังสามารถทำเงินถล่มทลายในอเมริกาเหนือถึง 260 ล้านเหรียญฯ และล่าสุดสตูดิโอแอนิเมชั่นก็หยิบเอานิทานภาพเรื่องนี้มาปัดฝุ่นขึ้นจออีกครั้งในชื่อ Dr. Seuss' The Grinch
แอนิเมชั่นบอกเล่าเรื่องราวของกริ๊นช์ สิ่งมีชีวิตตัวสีเขียวที่อาศัยอยู่บนยอดเขาสูง เขาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวร่วมกับสุนัขแสนรู้อย่างแมกซ์ เวลาว่างของกริ๊นช์นั้นหมดไปกับการประดิษฐ์เครื่องไม้เครื่องมือเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชีวิตของตัวเอง และน้อยครั้งนักที่เขาจะเดินทางลงไปยังหมู่บ้านฮูวิลล์ เพื่อจับจ่ายใช้สอยซื้ออาหารและอุปกรณ์ยังชีพ
เมื่อถึงคริสต์มาสในแต่ละปี ชาวฮูรบกวนความเป็นส่วนตัวของกริ๊นช์ ด้วยการเฉลิมฉลอง ร้องเพลงเสียงดังและการประดับประดาไฟที่สว่างจ้า ยิ่งไปกว่านั้น บริคเกิ้ลบาว์น เพื่อนบ้านที่ดูเหมือนจะร่าเริงได้ตลอดเวลาได้ประกาศว่าปีนี้ เขาจะจัดงานคริสต์มาสให้ใหญ่กว่าทุกปีถึงสามเท่า สิ่งเดียวที่กริ๊นช์จะได้ความเงียบสงบกลับคืนมา คือการ “ขโมยวันคริสต์มาส” ซะ
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในแอนิเมชั่นเรื่องนี้ คือการพาเด็กๆไปทำความรู้จักกับบุคคลที่แปลกแยกจากสังคมอย่างเดอะกรินช์ เขาต่อต้านสังคมเพียงเพราะว่า ในอดีตนั้นเขารู้สึก (ไปเอง) ว่าตัวประหลาดอย่างเขาน่าจะไม่เป็นที่ต้องการของคนทั่วไป เมื่อขาดการเหลียวแล ทำให้เขาเลือกจะตอกย้ำตัวเองด้วยการออกมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว และทุกครั้งที่เขาเห็นผู้คนทั่วไปกำลังมีความสุขและเฉลิมฉลองกับเทศกาลนั้น ความรำคาญที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากความรู้สึกโดดเดี่ยว เกิดความอิจฉาในความสุขของคนอื่น และเปลี่ยนความยินดีของผู้คนเหล่านั้นให้กลายเป็นความน่ารำคาญแทน
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น เกิดจากการที่ตัวกริ๊นช์เองไม่เคยเปิดใจรับว่า ความหงุดหงิดรำคาญที่เกิดขึ้นในใจของเขานั้นเป็นเพราะเขาต่อต้านเทศกาล หรือเป็นเพราะเขาไม่เคยเดินเข้าหาคนอื่น เพื่อทำความเข้าใจว่า บางครั้งความสุขนั้นก็เกิดขึ้นได้ เพียงแค่เราลองเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนความคิด และทำความเข้าใจกับบริบทของสังคมนั้น ตราบใดที่วัฒนธรรมประเพณีไม่ได้ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบสุขของบ้านเมือง บางครั้งการลองเปิดใจดูบ้าง แค่เปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยน