สนทนากับ “Diego Luna” ว่าด้วยบทหัวหน้าแก๊งค้ายาที่ยังมีลมหายใจใน “Narcos: Mexico” จาก Netflix
ภาพจำของนักแสดงหนุ่มชาวเม็กซิกันนามว่า "ดิเอโก้ ลูน่า (Diego Luna)" ของใครหลายคน อาจต้องย้อนกลับไปสู่ 17 ปีที่แล้ว กับภาพยนตร์นอกกระแสที่ดังเป็นพลุแตกอย่าง Y Tu Mamá También ที่กำกับโดย อัลฟองโซ กัวรอง ฉากเต้นสุดร้อนแรงของ ลูน่า กับอีก 2 นักแสดงนำ ยังคงตราตรึงมาจนถึงทุกวันนี้ ในตอนนั้นอายุอานามของเขาเพิ่งจะล่วงเลยสู่วัย 22 หน้าใสๆ บวกกับความสามารถทางการแสดงอันน่าจับตามอง ทำให้สปอตไลต์แห่งวงการบันเทิงส่องแสงมาที่เขามากขึ้นเรื่อยๆ
บทบาท อเลฮานโดร กอนซาเลซ แอเรียส ใน Frida, แจ๊ค ริล่า ใน Milk รวมถึง กัปตันแคสเซียน แอนดอร์ ใน Rogue One: A Star Wars Story ต่างก็มีความท้าทายในแบบฉบับที่แตกต่างกัน รวมไปถึงการขยับขยายสู่การเป็นผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ก็ถือเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับชีวิตในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์
Netflix
ทว่าทันทีที่ได้เห็น ดิเอโก้ ลูน่า ในทีเซอร์ภาพนิ่งของซีรีส์เรื่องดังอย่าง Narcos ภาคล่าสุดที่ปล่อยออกมาเมื่อหลายเดือนก่อน กับการสวมบทบาทเป็นชายหนุ่มที่ดูขึงขัง หวีผมเรียบแปล้ ไว้หนวดเคราพอประมาณ เพียงพอที่จะทำให้ลุคของตัวละครดูน่าเกรงขาม และก็ไม่แปลกที่ในท้ายที่สุดทุกคนจะได้ทราบว่า ดิเอโก้ ลูน่า จะรับบทเป็น เฟลิกซ์ กาญาร์โด้ พ่อค้ายาเสพติดในระดับหัวหน้าแก๊ง กับการพยายามสร้างอาณาจักรยาเสพติดของเขาให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศเม็กซิโกและทั่วโลกให้จงได้ใน Narcos: Mexico ที่ฉายทาง Netflix ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นี่อาจเป็นความท้าทายครั้งใหม่แห่งชีวิตการแสดง กับการตกลงปลงใจมาเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเรื่องหนึ่งแห่งยุค กับการมาสวมบทบาทของตัวละครที่มีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง และตอนนี้ก็ยังคงถูกจองจำอยู่ในคุก! แต่ดูเหมือนว่านักแสดงหนุ่มวัย 38 ปีคนนี้จะมีความสุขกับการแสดงครั้งนี้ไม่น้อย เพราะตลอดการสนทนาร่วม 20 นาทีระหว่าง Sanook! TV/Movies รวมถึงสื่อมวลชนต่างประเทศอีกหลายสำนักกับเขา ณ โรงแรมแห่งหนึ่งที่เม็กซิโก ดิเอโก้ ลูน่า ค่อนข้างผ่อนคลาย ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง แต่ก็จริงจังอยู่ในที ไม่แน่ว่าความรู้สึกตึงเครียดจากในซีนที่ถ่ายทำไปก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที อาจจะยังหลงเหลืออยู่…
>> ภารกิจบุกกองถ่าย พบปะเหล่านักแสดงนำซีรีส์ “Narcos: Mexico” แห่ง Netflix ถึงเม็กซิโก!
คุณรับบทเป็น เฟลิกซ์ กาญาร์โด้ ซึ่งมีตัวตนอยู่จริง และอาจมีโอกาสได้ดูคุณสวมบทบาทเป็นเขาด้วย รู้สึกอย่างไรบ้าง?
ผมพยายามไม่คิดถึงเรื่องนั้นนะ อันที่จริงคงบอกได้แหละว่า การที่ผมมาเล่นซีรีส์ Narcos: Mexico ผมไม่ได้ทำเพื่อเขา แต่ผมทำเพื่อให้ผู้ชมได้เห็นถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ ซึ่งอาจจะทำให้เห็นความจริงใกล้ตัวได้มากขึ้น สำหรับผมมันคือการเรียนรู้ เป้าหมายสำคัญของผมคือการเป็นตัวแทนในการเล่าเรื่องของผู้กำกับ คนเขียนบท และโปรดิวเซอร์
เฟลิกซ์ กาญาร์โด้ เป็นคนแบบไหน เหตุผลอะไรที่ทำให้คุณตอบรับที่จะเล่นบทนี้?
จริงๆ ชื่อเต็มๆ ของเขาคือ มิเกล แองเคล เฟลิกซ์ กาญาร์โด้ สำหรับผม เขาเป็นตัวละครที่น่าสนใจ เขายังมีชีวิต และใช้ชีวิตอยู่ในคุก ผมเองไม่ได้เติบโตมากับเรื่องราวของเขา ดังนั้นมันจึงน่าตื่นเต้นสำหรับผมที่ได้เห็นว่า โลกที่ผมพบเจออยู่ทุกวันมันเชื่อมโยงกับสิ่งที่เขาทำในแก๊งกัวดาลาฮารามากแค่ไหน
ในช่วงปี 1994-1995 ผมเริ่มเข้าถึงเรื่องการเมืองมากขึ้น เริ่มได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเม็กซิโกด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไป มันเลยเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความคิดเห็น เขาเองก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของชาวเม็กซิกัน เขาเลยกลายเป็นคนที่น่าสนใจทันทีเมื่อพูดถึงชีวิตของคนปัจจุบัน ประมาณว่า … พวกเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกัน
เฟลิกซ์มักจะตื่นเต้นกับเรื่องของเวลา และเป็นคนที่ฉลาด ผมก็ตื่นเต้นนะ เพราะไม่เคยได้เล่นบทแบบนี้มาก่อน ปกติผมจะมีเวลาแค่ 2 ชั่วโมง แต่สำหรับ Narcos: Mexico ผมมีเวลา 10 ชั่วโมงจากทั้งหมด 10 ตอนในการเล่าเรื่องตัวละคนนี้ ผมเลยมีโอกาสเข้าสู่ด้านลึกของตัวละคร ก็หวังว่าคนดูจะสนุกไปกับมัน
Netflix
ทุกคนต่างรู้ว่าตัวละครที่คุณเล่นนั้นเป็นคนไม่ดี…
ผมว่าเขามีหัวทางธุรกิจ และเป็นนักธุรกิจที่จงรักภักดี รวมถึงฉลาดเป็นกรด เขามีวิธีจัดการความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะเขาก็ต้องการอยู่ในโลกที่มีความรุนแรงน้อยกว่านี้ จริงๆ ผมไม่ควรเล่าลึกไปกว่านี้แล้วล่ะ (หัวเราะ) มันเป็นสิ่งที่คุณควรดูในซีรีส์เอง ผมว่าเขามีความเป็นมนุษย์อยู่นะ
หมายถึงว่า เฟลิกซ์ไม่ใช่คนที่จู่ๆ ก็จะฆ่าใคร?
เขาไม่ใช่คนแบบนั้น เขาเป็นแค่นักธุรกิจคนหนึ่ง ในธุรกิจที่มีความอันตรายต่อโลกใบนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาคือตัวเลขและเงิน คือผมว่าทุกตัวละครในซีรีส์เรื่องนี้ไม่มีใครบริสุทธิ์จริงหรอก Narcos: Mexico ไม่ใช่สีขาว และไม่ใช่สีดำ มันแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของมนุษย์ และเจ้าความซับซ้อนนั้นนั่นแหละที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าตื่นเต้น เรากำลังทำงานกับเรื่องราวที่คนทั่วไปหาอ่านได้ แต่ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะได้ดูเวลานั่งอยู่ในบ้าน
คุณบอกว่าไม่เคยเล่นบทในลักษณะนี้มาก่อน เตรียมตัวหนักไหม?
ผมอ่านค่อนข้างเยอะครับ ทั้งหนังสือและอย่างอื่นที่เกี่ยวกับการเมืองในยุคนั้น ผมได้คุยกับนักเขียนหลายคนในเม็กซิโกที่มีความสนใจในเรื่องราวของยุคนั้น ท้ายที่สุดแล้วผมว่า ภาพยนตร์หรือซีรีส์ก็คือนิยายเรื่องหนึ่ง ซึ่งอาจจะมีพื้นฐานมาจากคนที่มีชีวิตอยู่จริง ดังนั้นผมจึงรู้สึกว่ามีอิสระที่จะสร้างคาแรกเตอร์ของตัวละครนี้ขึ้นมา ซึ่ง เฟลิกซ์ ก็ไม่ใช่คนที่จะพบเห็นได้ทั่วไป ทั้งในรูปภาพหรือบทสัมภาษณ์ต่างๆ ผมจึงต้องใช้จินตนาการตอนที่อ่านหนังสือหรือพูดคุยกับคนอื่นในเรื่องนี้ ที่สำคัญกว่าการแสดงให้เหมือนเขาเป๊ะๆ ผมว่ามันคือการที่ได้เรียนรู้จากเขามากกว่า ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้อย่างไร
หมายถึงผู้ชมจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงของเม็กซิโกจากซีรีส์เรื่องนี้แบบเต็มๆ?
มันเริ่มต้นจากการขนส่งโคเคน โดยพื้นฐานแล้ว ช่องทางการขนยาเสพติดแถบทะเลแคริบเบียนนั้นจะถูกปิดไว้โดยรัฐบาล เม็กซิโกจึงกลายเป็นช่องทางเดียวในการขนส่งเข้าสู่รัฐ นี่เรากำลังพูดถึงการแบ่งขอบเขตระหว่างประเทศโลกที่ 1 กับประเทศโลกที่ 3 เลยนะ ซึ่งขอบเขตนี้แหละที่เราสามารถศึกษาความเป็นไปของโลกได้ ทั้งในเรื่องของการอพยพ หรือแม้กระทั่งความกลัว เฟลิกซ์ เป็นคนที่เห็นจุดนั้นก่อนคนอื่น เอ่อ… ผมไม่ควรเล่ามากกว่านี้แล้วล่ะ (หัวเราะ) เอาเป็นว่าเขาแสดงให้เห็นว่า การเมืองสามารถทำให้เกิดเรื่องนี้ได้ รวมถึงเรื่องการคอร์รัปชั่นด้วย
เมื่อสักครู่นี้คุณบอกว่า คุณมีอิสระในการสร้างคาแรกเตอร์ของตัวละครขึ้นมา สำหรับ เฟลิกซ์ คุณใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะเจอจุดที่ใช่?
มันไม่ใช่งานที่ผมทำแค่คนเดียว ฉะนั้นต้องคำนึงว่า สิ่งที่เราทำมันกระทบคนอื่นหรือไม่ อย่างไร ผมต้องคุยกับคนเขียนบทเยอะ เขาบอกผมว่า ซีรีส์แต่ละเรื่องก็มีวิถีที่แตกต่างกัน Narcos: Mexico ไม่ได้มีบทที่ตายตัว นั่นจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจในการตามหาคาแรกเตอร์ตัวละคร มันมีโอกาสที่เราจะพัฒนาบทไปกับคนเขียนบทและเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้
การใช้ชีวิตอยู่กับตัวละครที่ค่อนข้างมีด้านดำมืด มันยากไหมในการสลัดความเป็นเขาออกจากตัวคุณ?
คือมันก็สลัดให้หลุดยากอยู่เหมือนกัน แต่ในขณะที่ผมแสดงเป็นตัวละครนี้ ผมก็มีงานอื่นที่ต้องเล่นเป็นตัวละครอีกตัวด้วย อีกเรื่องผมเป็นนักเขียนที่หมกตัวอยู่ในห้องทั้งวัน ไม่ทำอะไรเลยอะไรประมาณนั้น โชคดีที่ผมชอบการโปรดิวซ์และกำกับ ผมจึงเข้าใจตัวละครได้ง่ายตั้งแต่แรกเริ่ม การแสดงนั้นจำเป็นต้องเข้าใจที่มาของตัวละครนั้นๆ ผมเลยต้องคิดอยู่ตลอดว่า เขาเป็นพ่อคนนะ เป็นสามี เป็นญาติ เป็นเพื่อน หรือแม้แต่เป็นลูกของใครอีกคน ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นหน้าที่ของผม เราต้องเข้าใจว่าทำไมตัวละครถึงมีความเป็นอยู่อย่างนั้น ทำไมในโลกแห่งความเป็นจริงเขาถึงปฏิบัติตนเช่นนั้น
ด้วยความที่ 3 ซีซั่นก่อนของ Narcos นั้นประสบความสำเร็จเอามากๆ กดดันไหมที่ต้องมารับบทนำในซีซั่นล่าสุด?
ไม่นะ ผมพยายามไม่คิดแบบนั้น สำหรับผมความสำเร็จมันต่างออกไป ผมเคยอยู่ในโปรเจกต์ที่ดังเปรี้ยง แต่ก็รู้สึกว่าไม่ได้ประสบความสำเร็จ ความสำเร็จของผมมันขึ้นอยู่กับวิถีแห่งการเล่าเรื่อง หรือบุคคลในตอนนั้น รวมถึงสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากมันมากกว่า
คุณแจ้งเกิดจากภาพยนตร์ที่ฉายในโรง พอมาเป็นซีรีส์ ความแตกต่างที่คุณสัมผัสได้มันมีอะไรบ้าง?
สักประมาณ 2 สัปดาห์แรกของการถ่ายทำ ผมมึนมาก เหมือนผมชินกับการถ่ายทำแบบอื่นมากกว่า ปกติแล้วการถ่ายหนังโรง ผมต้องเตรียมการมาอย่างดีมากๆ เพราะมันเหมือนมีทุกอย่างเอาไว้ให้แล้ว แต่สำหรับเรื่องนี้ที่เป็นซีรีส์ ราวกับว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ และผมก็ต้องเตรียมใจ พร้อมที่จะตอบสนองอยู่ตลอดเวลา แต่จะบอกให้นะ ถ้าคุณเริ่มชินกับระบบนี้เมื่อไหร่ มันจะรู้สึกสุดยอดมาก ผมไม่อยากใช้คำว่า improvise เพราะอย่างน้อยส่วนตัวเราก็เตรียมอะไรมาบ้าง แต่การที่ไม่รู้อะไรก่อนเลย มันก็ทำให้เราต้องคิดซ้ำก่อนจะตัดสินใจทำบางอย่างลงไป ต้องไตร่ตองอยู่ตลอดเวลา มันเลยเป็นงานที่เจ๋งมากๆ ค่อนข้างท้าทาย แต่ก็เป็นวิถีใหม่ๆ เพราะการที่มีเวลาเล่าเรื่อง 10 ชั่วโมงมันทำให้หายใจได้สะดวกขึ้น
Netflix
แล้วการได้มาร่วมงานกับ Netflix ล่ะ?
คุณรู้ไหมผมนึกถึงอะไร ผมนึกถึงวิถีแห่งภาพยนตร์ในเม็กซิโก บางทีเราก็รู้ว่ามันอาจจะไม่มีคนมาดูเลย ที่เม็กซิโก คนนั้นก็อาจจะไม่ชอบอย่างนั้น คนนี้อาจจะไม่ชอบอย่างนี้ มันทำให้คนทำงานไม่กล้าที่จะใส่อะไรลงไปในภาพยนตร์ เพราะความกลัวคือสิ่งที่ขับเคลื่อนธุรกิจ ความกลัวว่ามันจะผิดพลาดพวกเราไม่ค่อยมีเท่าไหร่หรอก เมื่อใดที่ภาพยนตร์ของเราได้ไปออกงานเทศกาล ได้รับรางวัล หรือแค่ได้เล่าในสิ่งที่อยากเล่า ความอิสระเหล่านั้นช่างมหัศจรรย์ ผมรู้สึกถึงความอิสระนั้นระหว่างการถ่ายทำ Narcos: Mexico ทีมงานมีอิสระในการตัดสินใจในสิ่งที่คิดว่ามันถูกต้อง และท้ายที่สุดก็จะมีคนดูในสิ่งที่เราต้องการนำเสนอ เพราะ Netflix มีเครื่องมือที่จะทำให้ผลงานถึงมือผู้ชมในแบบที่ต้องการได้ การทำงานด้วยความอิสระมันวิเศษ และเป็นความรู้สึกที่ดีมาก
อยากรู้ว่า ดิเอโก้ ลูน่า เติบโตมากับภาพยนตร์แบบไหน?
ผมโตมากับการดูภาพยนตร์ของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว เพราะสมัยผมเด็กๆ ธุรกิจแบบนี้ยังไม่รุ่งเรืองเท่าไหร่ แต่พอผมอายุ 14 ปี และเริ่มสนใจสาวๆ บ้างแล้ว ก็เลยเริ่มไปดูภาพยนตร์ในโรงหนังที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปดู เริ่มได้เรียนรู้สิ่งใหม่จากโปรแกรมหนังเล่านั้น รวมไปถึงหนังจากฮอลลีวูดด้วย อันที่จริงผมโตมาและใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับโรงละครนะ พ่อผมเป็นนักออกแบบ เริ่มทำงานกับพ่อตั้งแต่ 6 ขวบ ตอนนั้นผมมีความสุขมากที่ได้แบ่งปันประสบการณ์กับพ่อ และก็เริ่มสนใจการแสดงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พอได้เข้ามาอยู่ในวงการหนัง ผมก็สนใจการโปรดิวซ์และการกำกับมากขึ้น เพราะผมชอบทำความเข้าใจสิ่งเดิมๆ ในหลายๆ มุมมองที่ต่างกันไป โลกของนักแสดงมันดูมีเสน่ห์ สวมเสื้อผ้าเพื่อปลอมตัวเป็นคนอื่น เล่าเรื่องให้คนเชื่อว่ามันคือความจริง ทั้งที่มันไม่เคยเกิดขึ้นเลย อะไรแบบนี้
ผู้ชมจะได้รับอะไรจากการดู Narcos: Mexico?
ผมพยายามจะไม่พูดถึงสิ่งนั้น เพราะผู้ชมควรจะมีอิสระในความคิดว่า ซีรีส์เรื่องนี้สอนอะไรพวกเขา แต่ผมสามารถบอกคุณได้นะว่ามันสอนอะไรผมบ้าง ผมว่าซีรีส์เรื่อง Narcos: Mexico เป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับสิ่งที่เรียกว่าความเปลี่ยนแปลง เบื้องหลังมันมีทั้งความสูญเสีย เจ็บปวด และความอยุติธรรมต่างๆ
อ้อ! แล้วการได้มาปะทะกันในจอโทรทัศน์กับ ไมเคิล เปญ่า (Michael Peña) ที่รับบทเจ้าหน้าที่ปราบปราบยาเสพติดล่ะ มันเป็นความรู้สึกอย่างไร?
ดีเลยล่ะ ผมชอบเขานะ เขาเป็นคนใจกว้าง แม้เขาจะเกิดที่อเมริกา แต่พ่อแม่เขาเป็นชาวเม็กซิกันแท้ การได้มาเจอชาวเม็กซิกันอีกคนหนึ่งในกองถ่ายมันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ โปรเจกต์นี้พาเรามาอยู่ที่เดียวกันในเวลาเดียวกัน ผมชอบผลงานทางการแสดงของเขา และคิดว่านี่น่าจะเป็นการผจญภัยที่ยอดเยี่ยม แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากบอก ผมคิดว่า ผมมีคิวถ่ายพร้อมกับเขาแค่วันเดียวน่ะ
ชมตัวอย่างซีรีส์ Narcos: Mexico แล้วค่อยไปชมเต็มๆ 10 ตอนทาง Netflix
อัลบั้มภาพ 18 ภาพ