ซนนาอึน (Apink) กับ The Wrath คฤหาสน์เฮี้ยน อยู่เย็นเตรียมเป็นศพ
ใครบอกว่าเกาหลีไม่รีเมคหนังชาติตัวเอง The Wrath คือหนังสยองขวัญเรื่องล่าสุดของเกาหลี ที่หยิบเอาหนังเก่าในชื่อเดียวกันมาขึ้นจอใหญ่อีกครั้งและในครั้งนี้ยังได้ไอดอลสาวเกิร์ลกรุ๊ป ซน นาอึนจากวง Apink มาร่วมแสดงในบทนำอีกด้วย!
เรื่องราวของคฤหาสน์ผีสิง
The Wrath ว่าด้วย อ๊กบุน สาวน้อยบ้านนอกถูกขายให้ไปเป็นลูกสะใภ้ให้กับลูกชายคนสุดท้ายของตระกูลที่ทรงอำนาจและร่ำรวยที่สุดในอาณาจักรโชซอน แต่สามีของเธอกลับเสียชีวิตตั้งแต่คืนแรก แถมยังมีการตายแบบปริศนาเกิดขึ้นในบ้านหลังใหม่ของเธออย่างไม่หยุดหย่อน อ๊กบุนค้นพบว่าตัวเองมีญาณพิเศษที่สามารถสัมผัสกับสิ่งลี้่ลับที่คฤหาสน์แห่งนี้ได้ เธอเริ่มออกสำรวจเพื่อไขปริศนา แต่ขณะเดียวกันเธอต้องรับมือกับ คุณนายชิน แม่สามีและผู้นำตระกูล สตรีทรงอำนาจซึ่งอาจจะเป็นผู้กุมความลับของเรื่องราวขนหัวลุกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่
รีเมคครั้งใหม่
จากหนังเกาหลีเรื่องเก่า Yeogokseong หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Cry of a Woman ในปี 1986 ถือเป็นภาพยนตร์สยองขวัญขึ้นหิ้งของเกาหลีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นว่าเป็นคัมภีร์ของหนังสยองขวัญเกาหลียุคใหม่ เพราะมันมีทั้งผีดิบ ผีสาวพรหมจรรย์ ฉากกลางคืนน่าขนลุก ซึ่งเป็นอะไรที่ใหม่มากในสมัยนั้น ความตื่นเต้นดังกล่าวยังคงอยู่ในความทรงจำของชาวเกาหลีมาตั้งแต่บัดนั้น มาในวันนี้ เรื่องราวสุดคลาสสิคถูกนำมาปัดฝุ่นเล่าอีกครั้งในชื่อ The Wrath ที่ใช้ตัวละครเดินเรื่องเป็นอ๊กบุน (ซน นาอึน) สาวน้อยชาวบ้านที่มีญาณพิเศษ ต้องมาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ต้องคำสาปที่การตายปริศนาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่นี่เธอได้พบกับ คุณนายชิน (ซอ ยองฮี) ผู้เย็นชา และเต็มไปด้วยความลับอันดำมืด เท่านั้นยังไม่พอหนังยังเก็บเอาฉากสยองขวัญสุดตาตรึงในยุคก่อนไม่ว่าจะเป็นฉากทานเส้นก๋วยเตี๋ยวหนอน กินเลือดไก่ เครื่องหมายสวัสดิกะบนตัวของตัวละครอ๊กบุน แต่ทุกอย่างจะได้รับการดีไซน์ใหม่ให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น
การปะทะกันของดาราตัวแม่และไอดอลตัวลูก
จัดเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยที่นักแสดงอย่าง ซอ ยองฮี หนึ่งในดาราสาวคุณภาพคนหนึ่งของวงการ และซน นาอึน แฟชั่นไอคอนแห่งยุค และสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ป A Pink โคจรมาเจอกันเป็นนครั้งแรก
สำหรับ ซอ ยองฮี เธอมีผลงานหนังสยองขวัญอาทิ The Chaser และ Bedevilled รวมไปถึงซีรีส์ยอดฮิตอาทิ Madonna และ The Accidental Detective นี่คือการกลับมาเล่นหนังครั้งแรกในรอบหกปีของเธอกับบทบาทคุณนายชิน หญิงแกร่งผู้ปกครองตระกูลมั่งคั่งในยุคโชซอน เธอเก็บงำความลับอันดำมืดไว้ใต้สีหน้าสุดเย็นชา
ทางด้านซน นาอึน อีกหนึ่งสมาชิกจากวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังของเกาหลี อย่างวง A Pink ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ แต่เธอก็ตั้งความหวังว่าจะมีโอกาสได้เล่นหนังสยองขวัญ เมื่อโอกาสมาถึงตอนที่เธอได้อ่านบท The Wrath เธอรู้ทันทีว่าถ้าหากได้รับบทในหนังเรื่องนี้ มันจะเป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้แสดงความสามารถอีกด้านที่คนไม่เคยเห็น บทของซน นาอึนรับบทเป็น อ๊กบุน สาวชาวบ้านที่ต้องมาอาศัยอยู่กับครอบครัวชนชั้นสูง ซึ่งการรับบทนี้เหมือนเป็นการพลิกลุคไอดอลสุดน่ารักของเธอ และการแสดงของเธอในเรื่องนี้ทำให้เธอถูกคาดว่าจะเป็นราชินีหนังสยองขวัญเกาหลีคนต่อไป
ปัดฝุ่นใหม่ เทคนิคต้องใหม่ตาม
การหยิบเอาหนังสยองขวัญคลาสสิคขึ้นหิ้ง เมื่อปี 1986 มาทำใหม่ แต่ยังไม่ลืมอัพเกรดให้มันเข้ากับคนดูรุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน หลังจากหนังต้นฉบับออกฉายไปเมื่อ 32 ปีที่แล้ว ทีมงานเลือกที่จะให้ตัวละครหญิงในเวอร์ชันนี้รู้จักพึ่งพาตัวเองมากขึ้นเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย เวอร์ชั่นดั้งเดิมรากเหง้าของความน่ากลัวมันเริ่มมาจากความขัดแย้งระหว่างลูกสะใภ้กับแม่สามี แต่ในเวอร์ชัน 2018 นี้ พวกเขาขยี้ปมขัดแย้งขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการเติมเรื่องราวของผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานเป็นแรงขับเคลื่อน ต่างจากหนังสยองขวัญเรื่องอื่นๆ ในปัจจุบันที่เน้นไปที่ความน่ากลัวมากกว่าความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง
เทคนิคภาพยนตร์ที่ใช้ใน The Wrath ทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาเป็นหนังสยองขวัญที่เข้ากับยุคสมัย มันตื่นเต้นและกดดันกว่าเวอร์ชั่นดั้งเดิม ทีมงานเลือกใช้กล้องอินฟาเรดในที่มืดเพื่อความสมจริง ให้คนดูรู้สึกผวาเหมือนว่าผีพร้อมจะกระโดดมาตอนไหนก็ได้ ซึ่งทีมนักแสดงกล่าวว่าซีนนั้นเป็นซีนที่น่ากลัวที่สุดซีนหนึ่งในเรื่อง เพราะถ่ายทำในที่มืดสนิทให้นักแสดงได้สัมผัสกับความกลัวจริงๆ และด้วยตั้งแต่เทคนิคการถ่ายทำไปจนถึงทีมนักแสดงยอดฝีมือ ทำให้ The Wrathเป็นประสบการณ์สยองขวัญสดใหม่เหมาะสำหรับผู้ชมรุ่นใหม่
ผู้ควบคุมความสยองขวัญ
ยู ยองซอน ผู้กำกับเจ้าพ่อหนังสยอง สร้างชื่อจากผลงานกระฉ่อนอย่างThe Wicked ในปี 2014 หนังเรื่องนี้คือการรวมทีมยอดฝีมือแห่งวงการภาพยนตร์เกาหลี นำโดยผู้กำกับภาพ ควัค ซังฮุน ที่ขึ้นชื่อด้วยสไตล์ภาพกระชับฉับไวอย่างเช่นผลงานก่อนหน้าของเขาอย่าง The Admiral: Roaring Currents และ War of the Arrows เขาตั้งกล้องเอียงและการเคลื่อนกล้องสุดระห่ำเพื่อกระตุ้นทั้งความเป็นแอ็คชั่นและสยองขวัญ มันสร้างความตื่นตระหนก เหมือนว่าผีพร้อมจะกระโดดออกมาตลอดเวลา
การใช้มุมกล้องโคลสอัพในฉากสนทนาระหว่างสองตัวละครช่วยให้คนดูได้ใกล้ชิดตัวละครยิ่งขึ้น อ๊ก ซองจุน ผู้กำกับแสง ที่เคยใช้แสงสร้างบรรยากาศเขย่าขวัญในหนังอย่าง The Hunt, Operation Chromite, War of the Arrows และ Gangnam Blues เขาใช้เทคนิคแสงเพื่อสร้างเกาหลียุคโบราณสุดสมจริงขึ้นมา เมื่อเรื่องดำเนินไปตัวละครแต่ละตัวเริ่มเผยความทะเยอทะยานและด้านมืดของตัวเองออกมา งานแสงก็จะจัดขึ้นตามไปได้ด้วย อาบทั้งฉากด้วยเทคนิค Mise-en-scene