รีวิว Time Freak เพราะเวลาและโลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา
แม้จะเข้าฉายในบ้านเราอย่างเงียบเชียบและน่าจะลาโรงไปแบบที่ไม่มีใครรู้ แต่หนังอย่าง Time Freak ก็ไม่ควรถูกหลงลืมไปจากความทรงจำของนักดูหนังในปีนี้ ถึงแม้ว่าพล็อตเรื่องการย้อนเวลาเพื่อกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีต จะเป็นเรื่องราวที่คนดูหนังไซไฟ ผ่านตามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่คราวนี้ หนังก็ยังมีความพิเศษและมีมุมมองถึงการย้อนเวลาที่น่าสนใจอยู่ดี
เรื่องราวใน Time Freak โฟกัสไปที่ตัวละครสติลล์แมน (เอซา บัตเตอร์ฟิลด์) นักศึกษาสาขาเอกฟิสิกส์ที่ฉลาดเป็นกรด แต่อยู่ดีๆ เขาถูกเด็บบี้ (โซฟี เทอร์เนอร์) แฟนสาวบอกเลิก เพราะทนพฤติกรรมของเขาไม่ได้อีกต่อไป แม้สติลล์แมนจะพูดอะไรไม่ออก แต่เขาพยายามจะยื้อแฟนสาวของเขาไว้ ไม่นานนักภาพก็ตัดมาที่เหตุการณ์เดิมอีกครั้ง อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะพยายามเปลี่ยนแปลงคำพูดแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเธอได้
เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้คนดูเข้าใจว่าสติลล์แมนได้ใช้เครื่องไทม์แมชชีน ย้อนเวลาเพื่อพาตัวเองกลับไปแก้ไขอดีต และเขาได้ลากเพื่อนสนิทอย่างแอแวน(สกายเลอร์ กีซอนโด) กลับไปช่วยเขาด้วย โดยครั้งนี้เขาเลือกที่จะกลับไปยังจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ในวันแรกที่สติลล์แมนได้ตัดสินใจที่จะเข้าไปคุยกับเด็บบี้เป็นครั้งแรก
หนังเผยให้ผู้ชมได้เห็นความสัมพันธ์ของสติลล์แมนและเด็บบี้ ว่าแต่ละฝ่ายมีวิธีการแสดงออกของพฤติกรรมเพื่อตอบสนองฝ่ายตรงข้ามอย่างไร ฝ่ายหญิงไม่ได้ใช้วิธีการบอกรักฝ่ายชายแบบตรงๆโต้งๆ แต่เธอเลือกจะแต่งเพลงขึ้นมา โดยเนื้อเพลงนั้นได้สะท้อนแรงบันดาลใจมาจากความรักที่เกิดขึ้น แต่สติลล์แมนที่ไม่เข้าใจความหมายของเพลง (เพราะเขาไม่ยอมตีความเนื้อหาที่อยู่ในเพลง) กลับทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่เข้าใจกันมากขึ้นว่า ตกลงแล้วทั้งสองรู้สึกอะไรต่อกัน กันแน่
ยังไม่พอความพยายามของสติลล์แมนที่พยายามจะเอาชนะใจเพื่อนๆของเด็บบี้ด้วยการชวนดูหนังไซไฟเรื่องโปรดของเขา แต่กลายเป็นว่าเมื่อหนังจบลง ทุกคนก็ลงความเห็นว่ามันเป็นหนังที่ห่วยแตกและไม่สนุกเอาซะเลย แน่นอนความเห็นของเพื่อนๆเด็บบี้ ทำให้สติลล์แมนควันออกหูและโกรธเพื่อนๆเด็บบี้ จนจบลงด้วยการดูถูกว่าเพื่อนๆของเด็บบี้นั้นไม่เข้าใจวิทยาศาสตร์ในหนังเอาซะเลย บรรดาเหตุการณ์เหล่านี้ได้สะท้อนพฤติกรรมของสติลล์แมนออกมาได้ฉายชัดมากว่าเขาเป็นคนในกลุ่มที่ “โลกต้องหมุนรอบตัวเขา” ทุกอย่างความคิดของคนอื่นจะต้องคล้อยตามความคิดของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ความพยายามของสติลล์แมน ทำให้ผู้ชมได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจร่วมไปกับบุคคลที่มีพฤติกรรมโลกหมุนรอบตัวเอง เราจะได้เห็นตัวละครนี้ประสบปัญหาและจมอยู่แต่สิ่งที่เขาไม่สามารถแก้ไขได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้บทเรียนจากพฤติกรรมของตัวเอง ปรับปรุงพฤติกรรม และทำความเข้าใจคนรอบตัวให้มากยิ่งขึ้น เพื่อที่เขาจะได้รับมือกับ “ตัวเอง” ในอดีตและอนาคตได้อย่างมีสติและแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชาญฉลาดนั่นเอง