รีวิว Instant Family หนังฟีลกู๊ดที่เหมาะกับเทศกาลวันหยุด
แม้ว่าบรรยากาศหนังจะผิดไปจากคาดพอสมควร เพราะตัวอย่างหนังถูกนำเสนอในรูปแบบหนังคอมมีดี้ แต่เอาเข้าจริง Instant Family กลับกลายเป็นหนังดราม่าที่หนักหน่วงพอตัว ในตัวอย่างเราได้รับรู้พลอตคร่าว ๆ ว่า มาร์ค วาห์ลเบิร์ก และ โรส เบิร์น รับบทคู่สามี-ภรรยา ที่ไม่สามารถมีลูกได้ แล้วเลือกที่จะรับอุปการะเด็กถึง 3 คนมาเป็นลูก โดยเฉพาะพี่สาวคนโตที่อายุถึง 15 ปีแล้ว ก็เลยกลายเป็นมหกรรมวายป่วงที่พ่อแม่จะต้องรับมือกับลูกที่ไม่ได้ให้กำเนิดมาเองพร้อมกันถึง 3 คน เรื่องความวุ่นวายพาไปสู่สถานการณ์ตลกโปกฮาถูกนำออกมาขายในตัวอย่างหนัง แต่นั่นคือลูกกวาดรสหวานที่ถูกฉาบไว้แค่เปลือกนอกเท่านั้น ในหนังนั้นเน้นหนักไปที่ พีท และ เอลลี่ พ่อแม่จำเป็นที่พยายามเอาชนะใจ ลิซซี่ เด็กสาววัยรุ่นให้ยอมรับทั้งคู่เป็นพ่อแม่ด้วยความจริงใจ
ครอบครัวของฌอน แอนเดอร์ ผู้กำกับ-เขียนบท ที่รับอุปการะลูกบุญธรรมมาเลี้ยงถึง 3 คน กลายเป็นแรงบันดาลใจของหนังเรื่องนี้
Instant Family เป็นผลงานเขียนบทและกำกับของ ฌอน แอนเดอร์ และเป็นเรื่องที่ 3 ที่เขาทำงานร่วมกับ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก หลังจาก Daddy Home ทั้ง 2 ภาค ก็เลยดูจะเข้าทางกันดี แล้วผู้กำกับฌอน ก็ดูจะมีวัตถุดิบพอควรกับเรื่องราววุ่นวายในครอบครัว ก็เลยไปได้ดีกับหนังแนว ๆ นี้ โดยเฉพาะเรื่องนี้ ฌอน แอนเดอร์ เขียนเรื่องจากประสบการณ์ของตัวเองที่เขารับอุปการะลูกบุญธรรมมาเลี้ยง ก็เลยทำให้ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างลึกซึ้งกินใจ ความยาวหนังที่อีก 2 นาที จะครบ 2 ชั่วโมง เดินเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปูความถึงเหตุที่ทั้งคู่ตัดสินใจรับอุปการะเด็ก และการคัดเลือกเด็กที่ทั้งคู่พึงพอใจ หนังเจาะลึกให้เห็นถึงกระบวนการรับอุปการะเด็กของอเมริกาที่เป็นไปอย่างรัดกุม พ่อแม่ต้องผ่านคอร์สอบรมติวเข้มก่อนที่จะรับเด็กไปเลี้ยง ทำให้เราได้เห็นถึงความรอบคอบของระบบที่เข้มงวดจริงจัง
อิซาเบล โมเนอร์ ดาราวัยรุ่นเชื้อสายเม็กซิกัน มารับบทเป็น ลิซซี่ ลูกสาวคนโตที่เป็นหัวใจหลักของเรื่อง อิซาเบล มีงานชุกมากใน 2 ปีนี้ เชื่อว่าหลายคนได้ชมผลงานของเธอกันมาแล้วจาก Sicario: Day of the Soldado และ Transformers: The Last Knight 2 เรื่องก่อนหน้าดูเธอเป็นเด็กมอม ๆ แต่กับบท ลิซซี่ เธอดูโตเป็นสาว แล้วดูสวยคมขึ้นมาก เหมาะกับบทเด็กสาววัยรุ่นเจ้าอารมณ์ ที่กลายเป็นงานยากที่พ่อแม่มือใหม่อย่าง พีท และ เอลลี่ ต้องรับมือ ในขณะที่น้องอีก 2 คน ฮวน และ ลิต้า กลายเป็นแค่ปัญหาเล็กน้อยของเรื่อง ลิต้า น้องเล็กแค่เป็นเด็กที่เอาแต่ใจ ในขณะที่ ฮวน เป็นเด็กผู้ชายขี้อาย แต่นิสัยจอมซุ่มซ่ามก็สร้างเสียงหัวเราะให้กับเรื่องได้ตลอด
ถึงแม้หนังจะมาในแบบสูตรสำเร็จของหนังครอบครัวฟีลกู๊ด ที่เริ่มต้นด้วยปัญหาความวุ่นวายในครอบครัว แล้วก็คลี่คลายอย่างสวยงาม หนังเล่นลูกล่อลูกชนกับคนดูได้ดี เดี๋ยวครอบครัวก็ดูเข้ากันดีมีความสุข เดี๋ยวก็มีปัญหาใหม่ ๆ โผล่เข้ามา ชวนให้เอาใจช่วยพ่อแม่มือใหม่ได้ตลอดเรื่อง เมื่อต้องเจอกับปัญหาท้าทายใหม่ หนังพาไปสู่จุดวิกฤตท้ายเรื่อง ที่เข้ามาในช่วงที่ความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกกำลังจะไปด้วยดี แต่ก็มีเหตุให้ต้องลุ้นกับครอบครัวปุ๊บปั๊บนี้ ว่าสุดท้ายแล้วพีทและเอลลี่ จะได้ดูแลเด็กทั้ง 3 ต่อไปอย่างถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่
บทของฌอน แอนเดอ เล่าเรื่องได้อย่างน่าติดตาม หลาย ๆ ฉากพาไปสู่สถานการณ์ตึงเครียดแต่ก็แตะเบรคด้วยการแทรกมุกเข้ามาพอให้ยิ้มได้ งานสร้างรอยยิ้มก็ได้จาก 2 บทสมทบ ออคทาเวีย สเปนเซอร์ ในบทแคเร็น เจ้าหน้าที่ศูนย์ดูแลเด็ก และ มาร์โก มาร์ทินเดล คุณย่าผู้เห่อหลาน 2 รายนี้นี่แหละที่โผล่มาเมื่อไหร่ก็มีเสียงหัวเราะให้ได้ยินเสมอ หนังจบได้อย่างฟีลกู๊ดพอเรียกน้ำตารื้น ๆ ได้ แต่ถ้าคนต่อมน้ำตาตื้นก็อาจจะไหลพรากได้เหมือนกัน ก็ถือว่าบทเก่งครับที่ทำให้เราลุ้นเราอินไปกับพ่อแม่ลูกต่างสายเลือดบ้านนี้ได้
หนังเข้าฉายที่อเมริกาไปแล้วตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน ได้เสียงตอบรับดีทั้งจากนักวิจารณ์และคนดู ส่วนรายได้แม้ไม่สวยหรูนักแต่ก็พอมีกำไรเล็กน้อย ส่วนบ้านเราเข้าฉายวันที่ 3 มกราคม ก็ถือว่ายังอยู่ในช่วงเฉลิมฉลอง เป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก ที่พ่อแม่ลูกจะจูงมือกันไปดู เป็นหนังฟีลกู๊ดที่กระชับความรักความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ดี ให้ข้อคิดและคำแนะนำสำหรับครอบครัวที่ต้องดูแลลูกในวัยรุ่น เพลงประกอบก็เพราะครับ