รีวิว The Wife ความพ่ายแพ้ของคนเป็น “เมีย”
หนังบอกเล่าเรื่องราวของโจน แคสเซิลแมน (เกลนน์ โคลส) ภรรยาผู้อุทิศตัวและอยู่เคียงข้างสามีอย่าง โจ (โจนาธาน ไพรซ์) นักเขียนผู้มากความสามารถ โดยเธอเลือกจะก้าวข้ามความไม่ซื่อสัตย์และคำแก้ตัวของเขา เพื่อประคับประคองชีวิตคู่ ในฉากเปิดเรื่องคือรุ่งเช้าซึ่งโทรศัพท์ปริศนาดังขึ้น ปลายสายได้แจ้งข่าวที่สำคัญที่สุดในชีวิตการทำงานของโจ ว่า “เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม” ประจำปี
สองสามีภรรยาจัดแจงเตรียมเดินทางไปยังสวีเดนพร้อมกับลูกชาย ระหว่างที่พวกเขาได้รับการต้อนรับจากเพื่อนร่วมงานของโจ แต่โจกลับเที่ยวบอกใครต่อใครว่าโจน ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านที่ดีและภรรยาของเขา “ไม่เขียนหนังสือ” ทั้งที่จริงแล้วเหตุการณ์ในอดีตนั้น โจนเป็นนักศึกษาภาควรรณกรรมและตกหลุมรักกับอาจารย์ของตัวเองอย่างโจ แคนเซิลแมน โดย ณ เวลานั้นตัวโจเองก็ยังไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังและทึกทักไปเองว่าเขาเป็นคนเก่ง
ช่วงเวลาที่โจนยังสาว ในยุคสมัยปี 1960s ผู้หญิงต้องเผชิญหน้ากับการโดนเหยียดเพศในวงการนักเขียน ถึงแม้ว่าเธอจะได้ทำงานในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง แต่เธอก็มีหน้าที่แค่เพียงชงกาแฟให้กับผู้บริหารชายเท่านั้น เธออาศัยช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อส่งผลงานเขียนของโจให้กับกองบรรณาธิการพิจารณา แต่โจนก็ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงลบกลับมา เธอพยายามส่งสารดังกล่าวให้กับโจ ทว่าโจกลับทนรับคำวิจารณ์ไม่ได้และอาละวาดใส่ภรรยา โจนจึงอาสาจะเป็นคนปรับแก้ไขงานของเขาให้ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โจ โด่งดังถึงทุกวันนี้
ระหว่างการเดินทางมายังสวีเดน นักข่าวจอมเซ้าซี้อย่างนาธาเนียล โบน (คริสเตียน สเลเตอร์) คอยจับตาดูครอบครัวแคสเซิลแมนอย่างใกล้ชิด เพื่อที่เขาจะได้ขุดคุ้ยเอาประวัติส่วนตัวไปเขียนเป็นหนังสือ และถึงแม้ว่าเขาจะเล็งเห็นช่องโหว่ในความสัมพันธ์ แต่นาธาเนียลก็ยังไม่สามารถล้วงเอาข้อมูลจากโจนมาได้ ในค่ำคืนมอบรางวัลโนเบล กลับเต็มไปด้วยเหตุการณ์อันพลิกผันมากมายที่อาจจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างโจและโจนไปตลอดกาล
ความดีงามขั้นสุดของ The Wife น่าจะหนีไม่พ้นการแสดงระดับรางวัลของ เกลนน์ โคลสและโจนาธาน ไพรซ์ ซึ่งทั้งคู่นอกจากจะตีบทแตกกระจุยแล้ว ยังทำให้เราเห็นมิติของตัวละคร และทำให้เราเห็นว่าพวกเขาผ่านชีวิตมากอย่างโชกโชนแค่ไหน
สำหรับตัวละครโจน ทำให้เราเห็นว่าความอดทนอดกลั้นของ “เมีย” คนหนึ่งที่ยอมอยู่ใต้เงาของสามีมาโดยตลอดชีวิตนั้น เพียงเพราะเธอขี้อายและยังไม่กล้าที่จะออกไปเผชิญโลกด้วยตัวเอง ทั้งที่จริงแล้วเธอมีความสามารถอันล้นเหลือ แต่ด้วยยุคสมัยและบริบทของสังคมที่ยังไม่เอื้ออำนวยให้ผู้หญิงลุกขึ้นมาทำอะไรด้วยตัวเอง เธอจึงมีหน้าที่แค่เป็นนักเขียนเงา (Ghost Writer) แต่สิ่งที่ถ่ายทอดลงไปในนิยายนั้นกลับเป็น “อารมณ์และความรู้สึก” จริงๆของโจน ที่มีต่อเหตุการณ์และชีวิตจริงในช่วงเวลานั้น
สาเหตุที่โจนพ่ายแพ้ต่อความรักที่ไม่ซื่อสัตย์ของสามีมาโดยตลอดชีวิต เพราะความจริงแล้วเธอก็รู้ดีมาตั้งแต่แต่แรก ว่าสามีของเธอก็เจ้าชู้ และเธอก็รู้ดีว่าตอนแรกโจ แต่งงานมีครอบครัวอยู่แล้ว ตลอดชีวิตของโจน เธอรู้ “สันดาน” ของสามี แต่เธอก็ไม่สามารถบอกเลิกราเขาได้ เป็นเพราะคำว่า “รัก” ที่มีต่อผู้ชายคนนี้ แม้เธอจะรู้ดีว่าจะต้องเจ็บปวด แต่เธอก็เลือกที่จะโอบรับความรู้สึกดังกล่าวเอาไว้โดยความสมยอมนั่นเอง