รีวิว Velvet Buzzsaw ศิลปะเลือด เสียดสีแสบๆ แบบหลอนๆ
ภาพยนตร์ระทึกขวัญอาร์ตหลอนซ่อนเลือดเกี่ยวกับวงการศิลปะในลอนแอนเจลิส ที่ศิลปินชื่อดังและนักสะสมเงินทุนหนาต้องเผชิญหน้าเมื่อโลกศิลปะและการค้ามาปะทะกัน โดยเหตุเกิดจากนักค้าศิลปะไปค้นพบผลงานอันน่าลุ่มหลงอย่างแปลกประหลาดของศิลปินลึกลับที่เสียชีวิตอย่างกระทันหันนาม ดีส โดยผู้ที่เกี่ยวข้องล้วนต้องเจอกับความหลอนถึงชีวิตจากศิลปะของเขาทั้งสิ้น
Velvet Buzzsaw หรือ เวลเว็ท บัซซอว์: ศิลปะเลือด คือผลงานเรื่องล่าสุดของ แดน กิลรอย ผู้กำกับผลงานสุดแสบที่เจาะลึกวงการไหนเป็นได้ซี้ดปากทุกที ทั้งวงการข่าวใน Nightcrawler (2014) วงการทนายใน Roman J. Israel, Esq. (2017) และมารอบนี้กับวงการซื้อขายศิลปะ โดยกิลรอยนั้นมีชื่อเสียงมาจากการเขียนบทหนังสนุก ๆ หลายเรื่องก่อนหน้าทั้งหนังอาร์ต The Fall (2004) ของ ทาร์เซ็ม ซิงห์ หนังหุ่นต่อยกัน Real Steel (2011) และสายลับกำเนิดใหม่อย่าง The Bourne Legacy (2012)ก่อนจะหันมาเขียนบทและกำกับเองจนเป็นที่จับตามองใน Nightcrawler ซึ่งทำให้ผู้ชมหลายคนหันมาเป็นแฟนคลับงานของเขาเลยทีเดียว
มาครั้งนี้กิลรอยได้กลับมาร่วมงานกับดาราคู่ใจในการเริ่มต้นการเป็นผู้กำกับอย่าง เจค จิลเลนฮอล อีกครั้ง ซึ่งเจคต้องรับบท มอร์ฟ นักวิจารณ์งานศิลปะผู้อ่อนไหว มีรสนิยมรักทั้งสองเพศ รวมถึงมีความต้องการแสวงหาคุณค่าในงานเขียนอันจะแจ้งเปี่ยมจิตวิญญาณ หลายครั้งเขาซื่อสัตย์กับความรู้สึกจนเรียกว่าขวานผ่าซาก หลายคราเขาอ่อนไหวไปกับกิเลสผลประโยชน์ทางความสัมพันธ์กับหญิงที่เขาหลงใหลจนทรยศตัวเองได้อย่างน่าสงสาร เขาเป็นหนึ่งในตัวดำเนินเรื่องสำคัญ
ตัวละครหลักยังประกอบไปด้วย โรโดรา (เรเน่ รุสโซ) เจ้าของแกลอรี่งานศิลป์ชื่อดัง อดีตศิลปินสุดขบถแห่งกลุ่ม Velvet Buzzsaw ที่ผันตัวมาเน้นธุรกิจเต็มตัว เธอใช้เล่ห์และความเขี้ยวเพื่อความสำเร็จทางธุรกิจโดยไม่สนใครจะติเตียน เธอยังมีลูกศิษย์เอกอย่าง โจเซฟีน (ซาเว แอชตัน) สาวผู้ทะเยอทะยานทั้งยังเป็นรักแรกพบของมอร์ฟ และยังเป็นผู้ค้นพบศิลปะต้องสาปของศิลปินลึกลับด้วย เกร็ตเช่น (โทนี คอลเล็ตต์ คุณแม่สุดหลอนจาก Hereditary (2018) อดีตเจ้าหน้าที่คัดงานของพิพิธภัณฑ์ที่หันมาเป็นนักแนะนำศิลปะเอกชน เพียร์ส (จอห์น มัลโควิช) ศิลปินดังผู้ตกต่ำและติดเหล้า และพิเศษรักเป็นส่วนตัวกับ นาตาเลีย ไดย์เออร์ จากซีรีส์ Stranger Things ที่มารับบทสาวแว่น โคโค่ เลขานุการหน้าใหม่ผู้ซวยซ้ำซ้อนเป็นผู้พบศพคนแรกแทบทุกที
ตัวหนังเอาความสยองขวัญมาเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราว แต่เนื้อแท้จริงแล้วมันคือหนังที่เผยธาตุคนสีเทา ๆ ในแวดวงการค้าศิลปะ ที่ต่างหักเหลี่ยม ตักตวง หลอกล่อ ชิงไหวพริบเพื่อผลประโยชน์ไม่ว่าจะในรูป เงินทอง ชื่อเสียง หรือความรัก เป็นหนังตลกร้ายที่กลั่นมาอย่างซับซ้อนด้วยตัวละครหลากหลายสาขาอาชีพในวงการ ซึ่งเป็นทั้งจุดเด่นในแง่การเล่าเรื่องที่สนุกสนานในความอลเวง ทำให้สะใจและลุ้นช่วยในการรับผลกรรมของแต่ละตัวละครที่แตกต่างกัน อย่างคนที่เคยทำลายอาชีพผู้อื่นด้วยการวิจารณ์ออกสื่อก็ถูกตามล่าด้วยศิลปะที่เขาหาว่าห่วย ผู้ค้าประโยชน์จากความลุ่มหลงในงานศิลป์ก็ต้องถูกจองจำในงานศิลป์นั้นตลอดไป เป็นต้น
และก็ยังเป็นทั้งจุดด้อยที่อาจมองได้ว่าผู้ชมต้องจดจำเรื่องราวและตัวละครมากมายเพื่อติดตามเรื่องราวได้ อย่างที่บอกว่าหนังไม่ได้เทการนำเรื่องไปที่ใครคนเดียว แต่มีตัวหลักที่เราต้องให้ความสำคัญมากถึง 3-4 ตัวทีเดียว ยังไม่นับตัวละครสมทบอีกหลายตัวที่ขับดันเรื่องด้วย
แต่อีกแรงขับในเรื่องภาพวาดต้องสาปก็ทำให้เราติดกับชะตากรรมของแต่ละคนได้อย่างสนุก ทั้งว่าพวกเขาจะเจอวิบากกรรมสุดแปลกประหลาดเหนือจินตนาการแบบไหน แล้วจะหนีรอดไหม หรือจะต้องตายตกไปเพราะกรรมใดที่เขาตักตวงช่วงชิงจากผู้อื่นมาก่อน เป็นความระทึกขวัญที่ผสมผสานการวิพากษ์สังคมมนุษย์ไว้ได้อย่างแยบคาย
นี่จึงเป็นอีกงานของ กิลรอย ที่ตลกร้ายกัดจิกมนุษย์ได้อย่างแสบสันต์ทั้งยังน่าติดตามในปริศนาคำสาปสุดพิศดารของภาพวาดปีศาจด้วย น่าชมมาก ๆ ครับ