ALITA สาวตาโตผู้กุมอนาคต!

ALITA สาวตาโตผู้กุมอนาคต!

ALITA สาวตาโตผู้กุมอนาคต!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

โลกอนาคตดิสโทเปีย (อีกแล้ว)

 

หนังมหากาพย์แอ็คชั่นไซไฟเรื่องใหม่ ที่น่าจะฮิตติดลมบนได้ไม่ยาก กับ Alita: Battle Angel บอกเล่าเรื่องราวของ โลกในศตวรรษที่ 23 ได้เกิดสงครามครั้งใหญ่และเหล่ามวลมนุษยชาติล้มตายกันเป็นจำนวนมาก เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เทคโนโลยีหยุดชะงัก อาวุธเชื้อโรคได้ทำลายล้างโลกจนพังพินาศ ผู้รอดชีวิตบนโลกมนุษย์เดินทางไปอยู่ในเมืองเศษเหล็ก (Cuidadde Hierro) ซึ่งแอบอยู่ใต้เงาของนครลอยฟ้าอันยิ่งใหญ่แห่งสุดท้ายที่มีชื่อว่า ซาเล็ม ที่มีแต่ชนชั้นปกครองอาศัยอยู่

 

 

เมืองเศษเหล็กมีคุณลักษณะคล้ายกับโรงงานฐานการผลิตทั้งของอุปโภค บริโภค เพื่อส่งข้าวปลาอาหารไปยังซาเล็ม แม้ว่าผู้คนเบื้องล่างจะลำบากแค่ไหนก็ตาม แต่เมืองแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา จนกระทั่งวันหนึ่งด็อกเตอร์ไดสัน อิโด้ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์ไซบอร์ก ได้ค้นพบหุ่นไซบอร์กหญิงในกองขยะ เขาจึงตัดสินใจพาเธอกลับมาที่บ้านและปลุกชีพของเธอให้กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับมอบชื่อใหม่ให้ว่า “อลิตา” หุ่นยนต์สาวตัวนี้ไม่มีความทรงจำใดๆ หลงเหลืออยู่เลย เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากที่ไหน

 

ชีวิตใหม่ของอลิตา เธอได้ผูกมิตรกับเด็กหนุ่มที่ชื่อฮิวโก้ เด็กหนุ่มที่พาเธอไปเปิดโลก พร้อมกับสอนเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต แต่แล้วชีวิตอันแสนเรียบง่ายของทั้งสามก็ถูกรบกวนจากเวคเตอร์ เจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลที่ต้องการตามล่าอลิตา อลิตาจึงค้นพบความจริงที่ว่าแท้จริงแล้วตัวเธอไม่ใช่หุ่นยนต์ธรรมดา แต่เป็นเครื่องจักรสังหาร และเหตุผลดังกล่าวทำให้คนรอบตัวของเธอตกอยู่ในอันตรายครั้งยิ่งใหญ่ อลิตาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคนที่เธอรักและห่วงใย

 

 

จากมังงะเรื่องดัง สู่โปรเจกต์ในฝันของเจมส์ คาเมรอน

 

Battle Angel Alita (เพชฌฆาตไซบอร์ก) เป็นผลงานมังงะสุดคลาสสิคของยูกิโตะ คิชิโระ ที่ไปเข้าตาผู้กำกับอย่าง เจมส์ คาเมรอน เมื่อกว่า 20 ปีก่อน ในเวอร์ชั่นอนิเมะ ด้วยความปลื้มขั้นสุด ทำให้คาเมรอนต้องไปหาเวอร์ชั่นมังงะมาอ่าน และเขาก็มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ว่าจะดัดแปลงผลงานเรื่องนี้ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์และกำกับด้วยตัวเอง กระบวนการสร้างหนังเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2000 แต่ทำไมกระบวนการทั้งหมดถึงล่าช้า ?

 

เหตุผลที่เจมส์ ต้องทิ้ง Alita ไว้เพราะเขาต้องไปทำหนังหลายเรื่อง โดยเฉพาะโปรเจกต์สำคัญคือ Avatar หนังที่เขาทุ่มทั้งกายและใจเนรมิตโลกใหม่อย่างดาวแพนดอร่าขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ได้ทอดทิ้งผลงานชิ้นนี้ เจมส์ยังแวะกลับมาปรับแก้ไขบทภาพยนตร์ อยู่เรื่อยๆ และว่ากันบทท้ายที่สุดแล้วเขาเขียนบทออกมาสำเร็จในปี 2005

 

เวลาล่วงเลยมาถึงปี 2010 Battle Angel ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น Alita: Battle Angel เพียงเพราะถือเคล็ดว่าผลงานของเจมส์ คาเมรอนนั้นมักจะขึ้นต้นด้วย 2 ตัวอักษร A และ T (Avatar – Terminator 2 – Titanic เป็นต้น) จนกระทั่งปี 2015 โปรเจกต์นี้น่าจะได้รับการขับเคลื่อนเมื่อตัวเขามีโอกาสได้ไปพูดคุยกับผู้กำกับ โรเบิร์ต รอดริเกซ จนท้ายที่สุดคาเมรอนก็รู้ทันทีว่า รอดริเกซ คือคนที่เขาจะส่งไม้ต่อให้

 

 

เรื่องโดยเจมส์ คาเมรอนแต่กำกับโดยโรเบิร์ต รอดริเกซ

 

หลังจากที่รอดริเกซได้รับบทจำนวน 186 หน้า พร้อมกับโน้ตอีกปึกใหญ่ เพื่อให้เขาสามารถดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ ทำให้เขาต้องความเข้าใจในตัวละครอลิตา และปรับปรุงบทตามที่คาเมรอนกำชับว่า “อย่าเขียนบทขึ้นมาใหม่ แต่ปรับปรุงมันให้ดีกว่าเดิม” โชคดีว่า รอดริเกซเติบโตมาพร้อมกับหนังของเจมส์ คาเมรอน แถมทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนสนิทกันมายาวนานกว่า 20 ปี และมีมุมมองเรื่องเทคนิคพิเศษในหนังที่ใกล้เคียงกัน ประกอบกับเขายังมองว่า เจมส์ คาเมรอน เป็นปรมาจารย์ที่ประสบความสำเร็จและผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์อยู่เสมอ อีกทั้งตัวละครในหนังของเขายังเป็น “ไอคอน” ในโลกภาพยนตร์แทบทุกตัวด้วย

 

 

ตัวละครตาโตจนคนดูผวา!

 

แน่นอนว่าหลังจากที่หนังปล่อยตัวอย่างออกมาครั้งแรก สิ่งที่ผู้ชมกล่าวถึงพร้อมๆ กันว่า ตาของนางเอก ต้องโตขนาดนี้เลยเหรอ มันน่ากลัวเกินไปหรือเปล่า! เพราะทีมงานเลือกจะอ้างอิงจากดวงตาของตัวการ์ตูนมังงะ แต่กลายเป็นว่าสิ่งนี้กลับสร้างความหลอนให้กับผู้ชมมากกว่า แน่นอนว่าทีมงานรับฟังความเห็นของคนดู และปรับดวงตา

 

แต่ไม่ได้ปรับให้เล็กลงนะ! เจมส์ คาเมรอนเลือกจะให้ดวงตาของอลิตาใหญ่ขึ้น โดนไปเน้นที่รูม่านตาของตัวละครให้มีขนาดใหญ่ขึ้น 30% เพื่อสร้างความสมจริง ได้สัดส่วนที่คล้ายกับดวงตามนุษย์และไม่หลอกตา

 

 

สำหรับนักแสดงที่ได้รับคัดเลือกมารับบทอลิตา ก็คือสาว โรซ่า ซัลลาซาร์ จาก Maze Runner: The Scorch Trials และ Maze Runner: The Death Cure ซึ่งการมาสวมบทเป็นอลิตานั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเธอต้องเข้ารับการฝึกศิลปะการป้องกันตัวหลายแขนง เป็นเวลายาวนานกว่า 5 เดือน และฝึกหนักติดต่อกันแทบทุกวันมีวันพักเพียงแค่สัปดาห์ละหนึ่งวันเท่านั้น ส่งผลให้เธอได้เรียนทั้ง วูซู มวยไทย และกังฟู รวมถึงฝึกฝนการเล่นสเก็ตด้วย

 

 การแสดงของโรซ่านั้น เธอต้องแสดงผ่านเทคนิค Motion Capture ก่อนจะไปทำเทคนิคพิเศษในการสร้างใบหน้าและร่างกายของอลิตาขึ้นมาในตอนหลังนั่นเอง

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook