รีวิว The Quake คลื่นยักษ์หรือจะสู้แผ่นดินไหว
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า The Quake นั้นเป็นภาคต่อของหนังสัญชาตินอร์เวย์เรื่อง The Wave ในปี 2015 (เข้าฉายในประเทศไทยภายใต้ชื่อ มหาวิบัติสึนามิ ถล่มโลก) ซึ่งเล่าเรื่องราวของคริสเตียน นักธรณีวิทยาในเมืองไกแรงเกอร์ ซึ่งเขาตรวจพบความผิดปกติที่เกิดขึ้นในหุบเขาลึก แต่เนื่องจากเพื่อนร่วมงานไม่มีใครอยากจะสร้างความแตกตื่นให้กับชาวเมือง เพราะพวกเขาคิดว่าไม่มีทางที่ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นในพื้นที่ห่างไกล แต่แล้วฝันร้ายของคริสเตียนก็กลายเป็นจริงเมื่อ ภูเขาหินเกิดถล่มลงไปในทะเลส่งผลให้เกิดคลื่นซึนามิความสูงกว่า 62 เมตร! (โดยหนังเรื่องนี้ก็ดัดแปลงมาจากเหตุการณ์จริงในปี 1934)
เอกลักษณ์สำคัญของ The Wave คือคงสไตล์หนังยุโรปที่เน้นความสัมพันธ์ของตัวละคร มากกว่าจะขายแต่ฉากคลื่นยักษ์ถล่มเมือง แน่นอนว่าสำหรับคอหนังที่ติดความโครมครามของหนังในสไตล์เดียวกันจากฝั่งฮอลลีวูดน่าจะพูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างพร้อมเพรียงว่าช่วงแรกของหนังนั้น “น่าเบื่อ” มากกว่าจะมาทำให้ผู้ชมรู้สึกสนุกจริงๆ คือช่วงเวลา 20 นาทีสุดท้ายที่คลื่นยักษ์ถล่มเมืองและตัวละครเอกของเรื่องต้องกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด
สำหรับ The Quake ยังคงหยิบเอาเอกลักษณ์ของหนังภาคแรกกลับมาอย่างครบครัน ซึ่งแทบจะกล่าวได้ว่าเดินเรื่องแบบเดียวกันเป๊ะ (และเนิบช้าเหมือนกันเด๊ะ) แต่ในภาคนี้หนังโฟกัสไปที่เรื่องอากาศที่เมืองหลวงอย่างกรุงออสโล ของประเทศนอร์เวย์อาจจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งคริสเตียน (คริสโตเฟอร์ โยเนอร์) คุณพ่อดวงซวยจากหนังภาคแรก ก็กลับมาเคราะห์ร้ายระลอกสองอีกครั้งในหนังภาคนี้
เอาเข้าจริง The Quake แทบจะกลายเป็นหนังดราม่าครอบครัวมากกว่าหนังภัยพิบัติด้วยซ้ำ เนื่องจากตัวหนังเองก็เน้นย้ำความชอกช้ำและการสูญเสียคนในครอบครัวอันเป็นที่รักของคริสเตียนตลอดเวลา (และหลายครั้งเรามองว่ามันบ่อยจนน่ารำคาญ) แม้วิธีการปูคาแรกเตอร์ตัวละครแบบนี้จะทำให้คนดูเข้าใจในตัวละครก็ตาม แต่เมื่อหนังนำเสนอซ้ำซากก็ทำให้เราแอบรู้สึกว่า ไหนๆถ้าชีวิตมันจะอัปยศ หดหู่ น่าเศร้า ขนาดนั้น ก็ตายๆตามกันไปเลยไหมล่ะ (แต่คิดแบบนั้นคงไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่หนังหักล้างกำลังใจของผู้ชม ดังนั้น ตัวละครจึงต้องเอาตัวรอดกันต่อไป)
ตัวละครลูกสาวของคริสเตียนอย่างจูเลีย กลายเป็นจุดบอดอีกส่วนของหนัง แม้ว่าตัวละครนี้ถ่ายทอดความเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาจริงๆออกมาก็ตาม แต่ความ “ซื่อ” ของน้องหนู ก็ใกล้เคียงกับคำว่า “ซื่อบื้อ” อยู่หลายครั้ง จนเราอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า ฉากไคลแมกซ์ท้ายเรื่องนั้น เกิดขึ้นเพราะความไม่แว่บของยัยหนูจูเลียจนทำให้พ่อของตัวเองเกือบตายและเอาชีวิตไม่รอด
ทั้งหมดทั้งมวล The Quake ก็ถือว่าเป็นหนังภัยพิบัติจากทวีปยุโรปที่พอดูได้ มีฉากแอ็คชั่นตื่นตาตื่นใน และมีตัวละครที่ไม่รู้จะดราม่าอะไรกันนักหนา (ในแบบที่น่ารำคาญ) ให้ชวนหงุดหงิดตลอดทั้งเรื่อง