เลียม นีสัน กลับมาชำระแค้นสุดเดือดใน Cold Pursuit

คุณพ่อจอมทวงแค้น น่าจะเป็นฉายาของนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง “เลียม นีสัน” ได้แล้ว เนื่องจาก หนังหลายเรื่องที่เขารับเล่นนั้นมักจะมีความข้องเกี่ยวกับบทคุณพ่อที่ต้องตามไปช่วยเหลือลูก เช่นใน Taken ไตรภาค หรือต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์แปลกๆที่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรม เช่นใน Unknown, Non-Stop หรือ The Commuter เป็นต้น ซึ่งบทของเลียมในหนังแอ็คชั่น มักจะมีจุดขายที่ชัดเจน และตัวละครของเขาแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเสาหลักของหนังเรื่องนั้นๆเลยก็ว่าได้ เช่นเดียวกันกับ Cold Pursuit

ขอต้อนรับเข้าสู่เมืองคีโฮ

เมือง “คีโฮ” ที่มีลักษณะภูมิอากาศหนาวเย็นด้วยอุณหภูมิติดลบกว่า 10 องศาตลอดปี เพราะเมืองแห่งนี้เป็นเมืองสกีรีสอร์ทซึ่งอยู่ท่ามกลางหุบเขาร๊อกกี้ เมืองแห่งนี้จัดได้ว่าเงียบสงบ แทบจะปราศจากคดีและความรุนแรง จนกระทั่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น เมื่อเกิดคดีฆาตกรรมของลูกชายคนกวาดหิมะ อย่าง เนลส์ ค็อกซ์แมน (เลียม นีสัน) ซึ่งเป็นการออกคำสั่งของ ไวกิ้ง (ทอม เบทแมน) พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ด้วยความแค้นและอาวุธครบมือ เนลส์ ได้ออกไล่ฆ่าแก๊งอันธพาลทีละคนๆ โดยอาศัยความรู้ ความเข้าใจของการฆ่าคนจากนิยายฆาตกรรม ในขณะที่ศพเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การกระทำของเนลส์ได้เป็นการจุดชนวนก่อให้เกิดสงครามระหว่างแก๊งผู้ค้ายาเสพติดของไวกิ้ง และ ไวท์บูล (ทอม แจ็คสัน) มาเฟียชนเผ่าอินเดียนแดง จากเมืองที่เงียบสงบจะกลายเป็นเมืองที่เดือดระห่ำ เต็มไปด้วยเลือดในชั่วพริบตา

หนังแอ็คชั่น ตลกร้าย และเลือดสาด

หลังจากการเข้าฉาย ภาพยนตร์ของ ฮานส์ เพทเทอร์ โมแลนด์ ในเรื่อง In Order of Disappearance (Kraftidioten) หนังสัญชาตินอร์เวย์ได้รับการเปรียบว่าอยู่ในระดับเดียวกับเรื่อง Fargo ของ ผู้กำกับพี่น้องโคเอน จากคำวิจารณ์ในแง่บวก หลายคนบอกว่าหนังของเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากผู้กำกับเควนติน ทารันติโน่ และหนังฮอลลีวูดยุคเก่า จนกระทั่งวันหนึ่งสตูดิโออย่างไลออนเกตที่ซื้อลิขสิทธิ์ของหนังเรื่องนี้เอามาเตรียมรีเมค ได้ตัดสินใจเลือกฮานส์ เพทเทอร์ โมแลนด์ กลับมารีเมคหนังของตัวเองในเวอร์ชั่นฮอลลีวูดภายใต้ชื่อ Cold Pursuit

เมื่อตัวละครทุกคนเป็นคนเลวทั้งหมด

ในหนังเรื่องนี้ตัวละครจะมีความซับซ้อน มีการหักมุมไปมาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะตัวร้ายของเรื่องอย่าง“ไวกิ้ง” พ่อค้ายาเสพติดที่แสนโรคจิต นำแสดงโดยนักแสดงยอดเยี่ยมอย่าง ทอม เบทแมน และอีกคนหนึ่งคือ ไวท์บูล แสดงโดยนักแสดงแคนาดาระดับตำนานอย่าง ทอม แจ็คสัน ซึ่งจะมารับบทเป็นชาวอินเดียนแดง ชาวพื้นเมืองของที่นี่ เขาเป็นหัวหน้าเผ่าสุดโหดนี้ “ทุกคนเป็นคนเลว มันไม่มีคนดีในหนังเรื่องนี้เลย คุณเริ่มจากตรงนั้น จากนั้นคุณต้องมานั่งถอดรหัสแล้วล่ะว่าใครจะเลวกว่ากัน” ทอม แจ็คสันกล่าว

บรรดา “ผู้หญิง” ในโลกอาชญากรรมของผู้ชาย

ในหนังยังได้ได้นักแสดงหญิงสมทบอย่าง ลอร่า เดิร์น ในบทภรรยาของเนลส์ เอ็มมี่ รอสซัม ในบทบาทตำรวจหญิงเก่ง และ จูเลีย โจนส์ ในบท อดีตภรรยาของหัวหน้าแก๊งค์โรคจิตอย่างไวกิ้ง ซึ่งใน Cold Pursuit ตัวละครหญิงทุกตัวคือคนที่ฉลาดเพียงพอที่จะไม่เข้าไปใกล้กับแก๊งพวกผู้ชาย ไม่เข้าไปใกล้ความโง่เง่าของพวกเขา เนื่องจากบรรดาตัวละครผู้ชายในหนังเรื่องนี้จัดเป็นพวกคนอีโก้จัด จริงจังกับชีวิตเกินไป จนความจริงจังเช่นนี้ส่งผลให้พวกเขาพาตัวเองไปตายกันง่ายๆ

แรงบันดาลใจจากความซีเรียสไปจนถึงความตลกร้าย

แรงบันดาลใจของบทหนังแต่แรกเริ่มนั้นมาจากความคิดที่ค่อนข้างซีเรียส ไอเดียแรกมาจากความคิดที่ว่า ถ้าลูกของผมตายโดยไม่ทราบเหตุผลที่แน่นอน และ เขาอาจจะโดนฆาตกรรม เราจะแค่นั่งยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้นหรือเลือกที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่การตัดสินใจดังกล่าวอาจจะพาตัวเองเข้าสู่วังวนแห่งความรุนแรงได้เช่นกัน นี่คือแก่นเรื่องที่อาจจะสามารถพัฒนาไปสู่แง่มุมความตลกขบขันได้ ตัวผู้กำกับอย่าง ฮานส์ เพทเทอร์ โมแลนด์ เลือกจะทำหนังของตัวเองไม่ให้มีข้อจำกัดอยู่แค่ ประเภทของหนัง (Genre) ประเภทใดประเภทหนึ่ง ประเภทของหนังมันผสมผสานกันได้ เราสามารถผสานความน่ากลัวเข้าไปกับเรื่องโศกได้ และมันก็ตลกได้ เหมือนกับชีวิตคนเรานั่นเอง

เลียม นีสันกับบททวงแค้น

เนลส์ ค็อกซ์แมน เขาเป็นผู้ชายธรรมดาๆ แต่งงาน มีลูกชายในวัย 21 ปี เขาอาศัยอยู่ท่ามกลางเทือกเขาใหญ่ชานเมืองแห่งสกีรีสอทร์ทแห่งเมืองคีโฮ งานของเขาคือการขับรถกวาดหิมะเพื่อเปิดทางให้ผู้คนอื่นในเมืองสามารถเดินทางไปไหนต่อไหนได้ ในบทอธิบายตัวเขาว่าเป็นผู้เปิดอารยธรรมให้เข้ามา นั่นคือชีวิตของเขา นั่นคือสิ่งที่เขามีความสุข แล้วเขาก็ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นพลเมืองดีเด่นแห่งปี แต่จุดเปลี่ยนของชีวิตก็มาถึง เมื่อลูกชายของเขาถูกฆ่าตาย

“กระป๋องอาหารบูดที่เต็มไปด้วยหนอน” นี่คือคำที่เลียม นีสัน เลือกอธิบายให้กับคาแรกเตอร์ของเขาต่อความรุนแรงในภาพยนตร์ เลียม นีสันกล่าวว่า “เขาคิดแค่ว่าเขาออกไปตามล่าแค่คนเดียวทีฆ่าลูกชายของเขา แต่แท้จริงแล้วจากหนึ่งคนกลายเป็นอีกคน และไปอีกเรื่อยๆ จนเกิดความโกลาหลแห่งการล้างแค้นและความรุนแรง และมันยังแฝงไปด้วยมุขตลกด้านมืด ผมหวังว่าคุณจะจินตนการมันออกนะ” แต่ความอยากล้างแค้นของคนตัวเล็กๆในสังคมเริ่มต้นมาจากการอ่านนิยายฆาตกรรม ค็อกซ์แมนได้เลื่อยปืนไรเฟิลของเขาให้มีขนาดสั้นลงเพื่อให้สามารถพกพาไปได้ในเสื้อโค้ทของเขา ไม่น่าเชื่อว่าการฆ่าของเขาจะเป็นการไปกระตุกชนวนให้เกิดสงครามขึ้นระหว่างแก๊งค้ายาใหญ่ทั้งสองกลุ่ม