แสงกระสือ การตีความตำนานผีไทยครั้งใหม่ ที่มาพร้อมไส้และ “หัวใจ”

 

 

เชื่อว่าคนไทยน่าจะรู้จักกับผีไทยอย่าง “กระสือ” เป็นอย่างดี ส่วนมาภาพในความทรงจำของกระสือ คือผีผู้หญิงที่มาพร้อมหัว ผมยาว ปากเลอะคราบเลือดจากการกินไก่สดๆ มีไส้ที่ห้อยกวัดแกว่งไปมาและหัวใจที่เต้นตุ้บๆอยู่ตลอดเวลา แต่ในปีพ.ศ.2562 ตำนานกระสือจะได้รับการตีความใหม่และบอกเล่าเรื่องราวครั้งใหม่ที่น่าสนใจและร่วมสมัยกว่าครั้งไหนที่ผ่านมาใน “แสงกระสือ”

 

 

ความลับของเด็กสาววัยแรกรุ่น

ท่ามกลางหมู่บ้านอันห่างไกลผู้คน เด็กสาวคนหนึ่งค้นพบว่าตัวเธอเองนั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเหมือนกับคนอื่น แต่เธอสืบเชื้อสายมาจากเผ่าพันธุ์เก่าแก่ในตำนานปรัมปรา ซึ่งสืบทอดผ่านกันผ่านทาง “น้ำลาย” มีเพียงเด็กหนุ่มคนเดียวในหมู่บ้านที่รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเด็กสาวและพยายามปกป้องเธอจากการตามล่าของชาวบ้านที่หวาดกลัวกระสือ

 

ความสนิทชิดเชื้อของหนุ่มสาวเริ่มก่อตัวขึ้นและพัฒนานำไปสู่ความรัก ในขณะเดียวกัน มีอสูรกายอีกสายพันธุ์หนึ่งต้องการหัวใจของเด็กสาวเพื่อความเป็นอมตะ ทว่าหนทางเดียวที่เธอเอาชีวิตรอดคือการหนีออกจากหมู่บ้าน หรือเผชิญหน้ากับศัตรูที่หมายปองจะเอาชีวิต  ท้ายที่สุดแล้วตำนานครั้งนี้จะจบลงอย่างไร

 

 

 

ทำไมต้องตำนานกระสือ

จุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้เริ่มต้นมาจากค่ายหนังอย่างทรานฟอร์เมชั่น ฟิล์ม เห็นผลงานการกำกับโฆษณา(และหนังสั้น) ชื่อ “Midnight Sun” ของแบรนด์เครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง ของ“โดม-สิทธิศิริ มงคลศิริ” ผู้กำกับภาพยนตร์แสงกระสือ ซึ่งชิ้นงานดังกล่าวมีเก้า สุภัสรา เป็นพรีเซนเตอร์ บอกเล่าเรื่องราวของแวมไพร์สาวที่มีความรักครั้งแรกในรอบร้อยปี แต่เธอจะปกปิดความลับของเธอจากชายหนุ่มผู้เป็นที่รักได้อย่างไร

สามารถดูได้ที่ https://youtu.be/IgPeD7Noyyg

 

การชักชวนของทีมงานเริ่มต้นขึ้นให้โดมมารับหน้าที่กำกับหนังกระสือ ในตอนแรกภาพความทรงจำของเขา มองว่าคนไทยเรายึดติดกับ “ภาพกระสือที่มีหัวกับไส้” ซึ่งเขารู้สึกว่าภาพจำแบบนั้น ไม่ตรงกับความต้องการที่จะถ่ายทอดกระสือออกมาในมุมของตัวเอง

 

ไอเดียที่แตกต่างนำมาซึ่งการเปิดกว้างในการพัฒนาหนังกระสือ ให้ออกมาเป็นตัวเอง จากกระสือที่ดูมีแต่คราบคาวเลือดเลือด มีแต่หัว ไส้ กินอุจจาระ ทรานฟอร์เมชั่นบอกว่าทำไมต้องรังเกียจผีไทย ผีกระสือ  ตีโจทย์ให้มันออกมาให้ซิ ซึ่งตรงนี้เป็นความท้าทายนะ ภาพที่แว่บมาในหัวของตัวผู้กำกับคือ จะทำให้ยังไงให้เป็นกระสือที่สวยงาม โดมจึงกลับไปทำการบ้านโดยใช้เวลา 1 เดือนเต็ม จนได้เรื่องย่อออกมา และนำไปเสนอกับทางทรานฟอร์เมชั่น เมื่อความเห็นเป็นที่ตรงกันจึงส่งเค้าโครงไปให้ มะเดี่ยว ชูเกียรติ เขียนบทภาพยนตร์ต่อทันที

 

 

ความร่วมสมัยที่คนดูสัมผัสได้

จากความเชื่อเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ปิดประตูลงกลอนหน้าต่างก่อนนอน  อย่าโดนน้ำลายกระสือ มาใส่ในหนังเรื่องนี้ คือการนำบรรยากาศของ “ความเป็นชนบท” เพื่อให้คนดูได้สัมผัสกลิ่นอายของการย้อนยุค ได้สัมผัสถึงช่วงเวลาของสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเล่าเรื่องให้มีบรรยากาศของ Folk Tales (นิทานพื้นบ้าน) เป็นการเอาความเชื่อเดิมมาปรุงใหม่ หาแก่นและน้ำหนักให้ตัวละครกระสือ ปรับให้กระสือมีความร่วมสมัย แต่ไม่ได้ผลิตตัวกระสือให้ออกมาเป็นเอเลี่ยน สิ่งที่จะปรากฏในกระสือเวอร์ชั่นนี้คือการสื่อว่า มันมีทั้งหัวและใจ มีความรัก ผิดหวังเฉกเช่นคนทั่วไป แต่ในทางกลับกันมนุษย์ปกติ กลับมีหัวใจที่โหดร้าย

 

 

เลือกนักแสดงที่ไม่มีชื่อเสียงมาก เพื่อสร้างความเชื่อให้ผู้ชม

เมื่อโดมได้เห็นบทแล้ว เขารู้ทันทีว่าตัวละครอย่าง “สาย” นางเอกของเรื่อง ต้องเป็นเด็กสาวที่อยู่ในวัยประจำเดือนมาครั้งแรก ต้องเป็นเด็กที่ดูใสจริง ๆ ดาราวัยรุ่นชื่อดังที่มาแคสติ้งเขาก็ยังมองว่า “ไม่ใช่ตัวเลือก” จนกระทั่งมินนี่ได้เดินทางมาแคส หน้าตาของเธอเป็นคนที่ใส่ผ้าถุงแล้วดูมีเสน่ห์ ถ้าหากหน้าออกเกาหลีแล้วใส่ผ้าถุง คงดูขัดแย้งมาก แล้วมินนี่สามารถเล่นบทดราม่าหนัก ๆ ได้และมีความกระหายที่จะทำตรงนี้ให้ได้ ซึ่งจุดนี้สำคัญมากกับบท

 

ส่วนโอบ โอบนิธิ ที่เล่นเป็น “น้อย” และ เกรท สพล แสดงเป็น “เจิด” ทั้งสองชอบบทที่เขาได้รับ บท “น้อย” ที่โอบเล่นนั้น จะเป็นคนอ่อนนอก แข็งใน มีความดื้อ ตรงข้ามกับบท “เจิด” ที่ภายนอกดูร่างใหญ่เข้มแข็ง แต่จริง ๆ แล้วข้างในเค้าอ่อนโยน

 

 

ไม่ใช่แค่หนังผี แต่นี่คือหนังรักด้วยเช่นกัน

 

ตัวผู้กำกับได้ตั้งคำถามกับวงการหนังไทยว่า “นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้ดูหนังรักในระดับ Epic” เรื่องสุดท้ายที่เขาจดจำได้ก็คือหนังเรื่อง “นางนาก” ของผู้กำกับ อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร เขาจึงจะตั้งใจปั้นการแสดงในแสงกระสือ ให้ออกมามีความประณีต  มากพลังของนักแสดงกลุ่มใหม่ที่มีความตั้งใจมาก การออกแบบบรรยากาศในหนังให้มีความย้อนยุคในแบบที่ผู้ชมโหยหา การคุมภาพรวมอารมณ์ของหนังให้ราบรื่น ตัวโดม-สิทธิศิริ มงคลศิริ เองก็ยอมรับว่าหนังของเขาก็มีแผลเล็กๆอยู่บ้าง แต่ผลงานสุดท้ายที่ออกมา เขาเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วคนดูน่าจะประทับใจอย่างแน่นอน