รวมหนัง "กระสือ" บนจอใหญ่
เมื่อเอ่ยถึงชื่อของ “กระสือ” คนทั่วไปจะรู้กับผีตนนี้ในลักษณะของผู้หญิงที่สามารถถอดหัวออกจากร่างเพื่อไปหาอาหารกินยามค่ำคืน โดยอาหารของผีกระสือนั้นจะนิยมกินของเน่าเสียต่างๆ รวมไปถึงไก่สด และมักจะเช็ดคราบเลือดตามราวตากผ้า แต่ตำนานของกระสือก็มีเรื่องเล่าอันหลากหลายรูปแบบ ต่างกันออกไปตามแต่ละตำนาน
บ้างก็ว่าผีกระสือนั้นจะสิงอยู่แต่ในร่างของผู้หญิง ในเวลากลางวันเธอจะมีรูปร่างเหมือนคนปกติทั่วไป อาจจะมีการแสดงอาการป่วยออกมาบ้าง แต่เมื่อตะวันลับฟ้า วิญญาณร้ายที่สิ่งในร่างของหญิงสาวเหล่านี้จะบังคับให้ศีรษะและอวัยวะภายในช่องท้องหลุดออกมาจากร่างเพื่ออกไปล่าเหยื่อสัตว์เล็กๆ เป็นอาหาร กระสือจะไม่ทำร้ายคน อาหารอีกอย่างที่กระสือจะชอบกินก็คือ อุจจาระของมนุษย์ เพราะในสมัยก่อน ยังไม่มีส้วมที่ถูกสุขลักษณะ ผู้คนจึงมักขุดหลุมเอาไว้ขับถ่ายเป็นส้วมชั่วคราว
ลักษณะพิเศษที่ทำให้กระสือได้รับการจดจำในฐานะผีระดับ “ไอคอน” คือดวงไฟวูบวาบ ส่องแสงซึ่งอยู่ที่หัวใจ ตามความเชื่อคือ แสงไฟดังกล่าวคือวิญญาณที่สิงอยู่ในตัวของผู้เคราะห์ร้าย อย่างไรก็ตามตัวกระสือเองจะมีความระแวดระวังสูง เพราะก่อนที่จะถอดหัวของตัวเองออกไป กระสือจะหาผ้ามาคลุมร่างอันไร้ศีรษะไว้ เนื่องจากยามที่ถอดหัวออกไป ร่างนั้นจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้และปราศจากความรู้สึกนึกคิดจนกว่าหัวจะกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมนั่นเอง
จากตำนานและเรื่องเล่าเหล่านี้ ทำให้ “กระสือ” ได้รับการดัดแปลงในหลากหลายรูปแบบทั้งวรรณกรรม รูปวาด การ์ตูน ละครโทรทัศน์ รวมไปถึงภาพยนตร์ ซึ่งเราจะหยิบยกหนังที่ นำเรื่องราวของกระสือมาบอกเล่าอีกครั้งว่าหนังเหล่านี้ เล่าผีสาวที่มีแต่หัวและไส้ห้อยอย่างไรบ้าง
กระสือสาว (พ.ศ. 2516)
ผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ "ส. เนาวราช" หรือชื่อจริงว่า สนิท โกศะรถ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งนิตยสารขวัญเรือน โดยภาพยนตร์เรื่อง “กระสือสาว” เข้าฉายครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2516 นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี และ พิศมัย วิไลศักดิ์ ในช่วงเวลาดังกล่าวการทำเทคนิคพิเศษของกระสือเรียกได้ว่าน่าตื่นตาตื่นใจ แม้ว่าถ้านำกลับมาดูในยุคสมัยนี้อาจจะดูเป็นภาพที่ตลกมากกว่าจะน่ากลัวก็ตาม แต่การได้เห็นผีสาวที่มีแต่หัวและไส้ลอยไปลอยมาบนจอภาพยนตร์เมื่อ 46 ปีที่แล้ว จัดเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว
ตำนานกระสือ (พ.ศ. 2545)
ผลงานการกำกับของบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ซึ่งพาผู้ชมย้อนกลับไปในปี พ.ศ. ๑๗๖๓ เมื่อความตายของ นางดาว สาวสวยคนหนึ่งในหมู่บ้าน ส่งผลให้วิญญาณของตาราวตีได้ฉวยโอกาสหาร่างใหม่สวมแทน นางดาวจึงลุกขั้นมามีชีวิตอีกครั้ง แต่หลังจากวันที่เธอพื้นคืนชีพ หมู่บ้านอันห่างไกลก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อกลางดึกคืนหนึ่งหัวขโมยสองคนพบเห็นผีสาวที่มีแต่หัวกับไส้กำลังกัดกินควายในคอกอย่างน่าสยดสยอง การต่อสู้ระหว่างชาวบ้านและผีกระสือจึงเริ่มต้นขึ้น
ในยุคสมัยปี พ.ศ. 2545 เป็นช่วงเวลาที่งานซีจีไอเริ่มเข้ามามีบทบาทในภาพยนตร์ไทยค่อนข้างมาก ตำนานกระสือจึงเป็นหนังอีกเรื่องที่พยายามพัฒนางานทางด้านภาพให้มีความน่าตื่นเต้นกับผู้ชม แม้ว่าจะทำออกมาไม่ได้ดีนักก็ตาม แต่จุดเด่นของหนังเรื่องนี้ก็คือผลงานของนักแสดงอย่าง อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ ที่ปัจจุบันสวยขึ้นจนไม่เหลือเค้าเดิมในหนังเรื่องนี้เลย
กระสือวาเลนไทน์ (พ.ศ.2549)
พยาบาลสาวประจำโรงพยาบาลชนบทห่างไกลอย่างสาว (พลอย จินดาโชติ)แม้เธอจะเพิ่งย้ายมาประจำการไม่ได้นานนัก แต่เธอก็เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานแทบทุกคน ไม่เว้นแม้แต่หนุ่ม (เต้ - ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) คนซื่อที่ถูกชะตากับพยาบาลสาวตั้งแต่แรกเห็น ในวันวาเลนไทน์ของปี 2549 นี้ด้วย ทว่าก่อนหน้านี้สาวเองมักจะมีอาการประหลาดที่ต้องตื่นขึ้นมาอาเจียนในทุกเช้า และสิ่งที่พบคือในกองอาเจียนนั้นคล้ายกับซากรกเด็ก ซ้ำร้ายเธอยังมีอาการเห็นภาพซ้อนแว่บเข้ามาในความคิดเป็นภาพของโรงพยาบาลแห่งนี้ในอดีต
ความน่าประหลาดใจยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อสาวได้พบกับภาพถ่ายใบหนึ่ง ที่คนในภาพมีหน้าตาเหมือนเธอ และข้อความด้านหลังภาพบ่งชี้ได้ว่าคนทั้งสองนั้นคือ “คู่รักกันในชาติที่แล้ว” คำถามมากมายผุดขึ้นมาพร้อมๆ กัน ร่างกายของเธอเองเป็นอะไร ผู้หญิงในภาพถ่ายเป็นใคร หรือนี่คือเวรกรรมที่ตามกลับมาหาเธอ!
กระสือวาเลนไทน์ เป็นผลงานการกำกับของยุทธเลิศ สิปปภาค ที่หยิบเอาตำนานคลาสสิกมาผูกเรื่องราวใหม่ ใส่เรื่องเวรกรรมและการกลับชาติมาเกิดได้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งสองนักแสดงนำอย่างปิติศักดิ์ เยาวนานนท์และพลอย จินดาโชติ ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 16 อีกด้วย
กระสือครึ่งคน (พ.ศ.2559)
5 หนุ่มคนแคระที่ต้องออกตามล่าฝูงกระสือที่จู่ๆ บุกเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับหมู่บ้าน ภารกิจครั้งนี้ทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเพื่อกลายร่างไปเป็น "กระสู" (กระสือเพศชาย) ต่อสู้เพื่อนำความรักและความสุขสงบคืนแก่หมู่บ้านของพวกเขาอีกครั้ง นี่คือการกลับมากำกับหนังกระสืออีกครั้งของ บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือใช้ “คนแคระ” แสดงทั้งหมด แต่มุกตลกในเรื่องออกมาค่อนข้างฝืดเฝือและไม่สนุกเอาซะเลย
ท้ายที่สุดในปีนี้จะมี 2 หนังกระสือเข้าฉายไล่เลี่ยกันซึ่งประกอบไปด้วย "แสงกระสือ" ที่เตรียมเข้าฉายในวันที่ 14 มีนาคม 2562 และ "กระสือสยาม" ในวันที่ 4 เมษายน 2562