รีวิว Gloria Bell รสรักของสาววัยกลางคนที่เผ็ดร้อนจนวัยรุ่นดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี คนมีอายุดูเพลิน
สำหรับเด็กวัยละอ่อนอย่างเรา ความรักในแบบช่วงวัยกลางคนอาจจะเรียกได้ว่าห่างไกลจากความรู้สึกอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ Gloria Bell กลับถ่ายทอดออกมาได้ดี และทำให้เราได้เห็นมุมมองความรักที่ซับซ้อนเกินกว่าวัยรุ่นจะเข้าใจ พร้อมกับทิ้งบทเรียนสำคัญว่า ในเรื่องความรัก… การใจเร็วด่วนได้ ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเสมอ
เรื่องย่อ
“Gloria Bell” เป็นผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับฝีมือดีอย่าง “เซบาสเตียน เลลิโอ” (Sebastián Lelio) ที่ได้รีเมกหนังที่ตัวเองเคยกำกับเอาไว้ในปี 2013 ในชื่อ “Gloria” โดยการรีเมกครั้งนี้ได้นักแสดงดีกรีออสการ์ฝีมือระดับดาวพันล้านดวงอย่าง “จูลีแอนน์ มัวร์” (Julianne Moore) มารับบท “กลอเรีย เบลล์” ที่ “พอลลีนา การ์เซีย” (Paulina Garcia) แสดงเอาไว้ในต้นฉบับ
“Gloria Bell” เป็นหนังโรแมนติกคอเมดี้วัยรุ่น(แม่) ที่ว่าด้วยเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ “กลอเรีย เบลล์” ซึ่งเป็นสาวออฟฟิศร้างรักเพราะแยกทางกับสามี แต่ด้วยอินเนอร์ความเป็นตัวแม่สุดเก๋ของเธอทำให้เธอยังคงมีความสุขจากการถูกห้อมล้อมไปด้วยความรักจากลูกๆ รวมถึงความสุขที่เธอเติมเต็มให้ตัวเอง ซึ่งความสุขของกลอเรียคือการออกไปเต้น เต้น และเต้นในผับยามค่ำคืนทั่วลอสแองเจลลิสเพื่อปลดปล่อยตัวเอง
จนกระทั่งคืนหนึ่งกลอเรียได้พบกับหนุ่มใหญ่ผู้อยู่ใต้แสงไฟและแดนซ์ฟลอร์เดียวกับเธอในผับแห่งหนึ่ง ไฟรักที่หายไปของกลอเรียถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกราวรับรักแรกรุ่นกลับเข้ามาทำให้กลอเรียต้องปวดหัว เพราะเธอไม่ได้อยู่ในจุดที่จะริลองเริ่มรักได้ง่ายๆ เหมือนวันวานอีกแล้ว ชีวิตแบบผู้ใหญ่ซับซ้อนและยากเกินกว่าจะตัดสินใจอะไรได้อย่างง่ายดาย เธอมีทั้งลูกๆ ที่เป็นด่านยากในการยอมรับความรักของเธอในวัยนี้ อีกทั้งการงานและความมั่นคงที่เธอเคยมีมาตลอดอาจจะต้องได้รับผลกระทบอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน
แล้วกลอเรีย เบลล์สาวมั่นผู้มีชีวิตสุดอิสระจะสามารถข้ามผ่านเงื่อนไขชีวิตในวัยใกล้เกษียณแบบนี้ไปได้อย่างไร เธอจะทำลายกำแพงของเธอและปล่อยใจให้ไหลไปตามความรักครั้งใหม่นี้ได้หรือไม่ ก็คงต้องให้เสียงเพลงและแดนซ์ฟลอร์เป็นตัวตัดสินแล้วล่ะ
Julianne Moore
เอาละ สิ่งแรกที่ต้องขอปรบมือให้คือความยอดเยี่ยมในการแสดงของ จูเลียน มัวร์ ดาราสาวดีกรีรางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ที่ในเรื่องนี้รับบท กลอเรีย เบล ได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ สามารถพยุงหนังทั้งเรื่องได้เป็นอย่างดี แสดงเป็นสาวเร่าร้อนที่ซ่อนความขี้เหงาได้เจ็บปวดเหลือเกิน บทจะสนุกก็โคตรเฮฮา บทจะมีน้ำตาก็แตกสลายได้อย่างเข้าถึงบทบาท แถมอีกหนึ่งนักแสดงอย่าง จอห์น เทอร์ทูโร รับบท อาร์โนลด์ คนรักใหม่ของ กลอเรีย ก็ไม่ธรรมดา แสดงได้ดูลึกลับ น่าสงสาร แต่ก็ชวนหงุดหงิดได้ในคราเดียวกัน เรียกได้ว่าแค่มาดูการแสดงก็คุ้มค่าตั๋วแล้วครับ ฮ่า!
ซ้าย John Turturro , ขวา Julianne Moore
ถ้าในเมื่อแค่การแสดงก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว ดังนั้นที่เหลือคือกำไรล้วน ๆ เพราะในแง่ของบทก็สนุกสนานใช้ได้เลย หนังค่อย ๆ พาเราไปทำความรู้จักกลอเรีย เบล พาไปสำรวจชีวิตด้านต่าง ๆ ทั้งการงาน ครอบครัว เพื่อนพ้อง ก่อนจะย้อนกลับมาถึงความรัก ซึ่งการปูทางชีวิตด้านอื่น ๆ นี่แหละ ที่สร้างความผูกพันธ์ให้เรากับตัวละครอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนอดที่จะเอาใจช่วยและมีความรู้สึกร่วมไปกับกลอเรียไม่ได้ ถ้าจะพูดถึงฉากที่เราชอบคงเป็นฉากท้าย ๆ ที่กลอเรีย ควงปืนไปยิงใครสักคน บอกเลยว่าสะใจครับ สะใจ!
การแสดงบ้าคลั่ง เฉียบขาด มาก
ส่วนงานภาพก็มีลูกเล่นน่าสนใจ เพราะด้วยตัวหนังที่บอกเล่าถึงชีวิตรักวัยกลางคน ถ้างานภาพมาเป็นสีซีด ๆ ทึม ๆ อาจจะชวนง่วงนอน ดังนั้นมู้ดแอนด์โทนเลยจัดเต็มมาแบบนีออนไลท์เลย สีม่วง สีเขียว เด่นมาแต่ไกล และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสุดท้ายที่เราอยากพูดถึงคือ เจ้าแมวมัมมี่ ที่แอบเข้ามาในบ้านของนางเอกอยู่ตลอด ไม่ว่าจะไล่ออกไป หรือโยนไปไปนอกบ้านกี่ครั้งก็ตาม โดยเฉพาะหลังการเจ็บปวดที่แสนสาหัส เจ้าแมวตัวนี้ก็ยังกลับมาเสมอ เราเลยแอบคิดว่าแมวตัวนี้อาจจะมีความหมายในเชิงแมวมี 9 ชีวิตหรือไม่ และส่วนสุดท้าย กลอเรีย จะทำยังไงกับแมวตัวนี้ต้องไปติดตามกันในภาพยนตร์เน้อ
ถือภาพยนตร์โรแมนติก คอมเมดี้ ที่บอกเล่าเรื่องราวความรักของหนุ่มสาววัยกลางคนได้ดีเลยละ แต่สำหรับผมที่เด็กและห่างไกลจากวัยนี้อาจไม่เข้าใจถ่องแท้ถึงเมสเสจที่หนังอยากจะสื่อ แต่กับพี่ ๆ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากแล้ว เรื่องนี้น่าจะตอบโจทย์ทุกคนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญแต่ละเพลงที่ออกมาในเรื่องบอกเลยว่าเพราะมาก ความหมายดี และเข้ากับภาพยนตร์สุด ๆ
“Gloria Bell” จะเข้าฉายตั้งแต่ 28 มีนาคมนี้เป็นต้นไป เฉพาะที่โรงภาพยนตร์ house RCA เท่านั้น