รีวิว Cadaver ปีศาจร้ายในตัวศพ

รีวิว Cadaver ปีศาจร้ายในตัวศพ

รีวิว Cadaver ปีศาจร้ายในตัวศพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

ถึงคำวิจารณ์ของ Cadaver หรือในอีกชื่ออย่าง The Possession of Hannah Grace อาจจะไม่สู้ดีนัก แต่ถึงอย่างนั้นถ้าหากเรามองในแง่ของความบันเทิง ฉากลุ้นระทึกชวนตกใจ ก็นับได้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดูเอาสนุกได้ไม่เลวเลยทีเดียว

 

การเปิดเรื่องราวมาที่พิธีกรรมไล่ผีของหญิงสาวที่ชื่อว่าฮาน่าห์ เกรซ เหตุการณ์เหนือธรรมชาติในครั้งนี้ไม่ได้จบลงด้วยดีสักเท่าไหร่ เนื่องจากระหว่างพิธีกรรมปีศาจที่อยู่ในร่างของฮาน่าห์ก็ไม่ยอมจากไป ส่งผลให้บาดหลวงในพิธีกรรมอยู่ในสภาพกลายเป็นศพไปในพริบตา ชายผู้เป็นพ่อจึงตัดสินใจคว้าหมอนกดหน้าของลูกสาวให้สิ้นลมหายใจ โดยหารู้ไม่ว่าปีศาจร้ายยังคงหลับใหลอยู่ในร่างของฮาน่าห์ไม่ได้จากไปไหนและรอวันฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

 

เหตุการณ์ผ่านไปสามเดือน ตัดภาพมาให้เราเห็นชีวิตของเมแกน รี้ด (เชย์ มิทเชลล์) อดีตตำรวจหญิงที่เพิ่งจะสูญเสียคู่หูในการทำงานไปอย่างไม่มีวันกลับ ความโศกเศร้าของเธอทำให้เมแกนต้องใช้ยาในการบำบัดเพื่อป้องกันการเห็นภาพหลอนยามหลับฝัน ท้ายที่สุดเธอตัดสินใจมาทำงานเป็นพนักงานดูแลศพประจำกะกลางคืนที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลบอสตัน

 

 

วิธีการแนะนำตัวละครอย่างเมแกน เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดี ทำให้ผู้ชมเข้าใจในสภาวะของตัวละคร ก่อนที่จะทำให้เราเริ่มรู้จักกับ “สถานที่” ในการทำงานของเธอ ซึ่งก็คือห้องเก็บศพที่มีบรรยากาศของความไม่น่าไว้วางใจ ทำให้เราเห็นมุมมืด โถงทางเดิน ลิฟต์และกล้องวงจรปิด ที่เชื่อมโยงและทำให้เมแกนสามารถมองเห็นห้องต่างๆได้ในเวลาเดียวกัน

 

เหตุการณ์แปลกประหลาดได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อศพของฮาน่าห์ เกรซถูกส่งมายังห้องเก็บศพแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้าที่ติดๆดับๆอย่างไม่มีเหตุผล ชายแปลกหน้าที่บุกเข้ามาเพื่อจะขโมยศพของฮาน่าห์ออกไป สภาพศพของฮาน่าห์ที่เหมือนจะฟื้นฟูตัวเองได้อย่างแปลกประหลาด การหายตัวไปอย่างลึกลับของพนักงานในห้องเก็บศพโดยไม่มีสาเหตุ สถานการณ์เหล่านี้นำมาซึ่งจังหวะสำหรับการหลอกคนดูให้รู้สึกตื่นเต้นตกใจ

 

 

ถึงจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากมายนัก แต่เราก็ยอมรับว่า Cadaver เป็นหนังผีสูตรสำเร็จที่มาพร้อมการเล่นสนุกกับโลเคชั่นของสถานที่ การหยิบเอาปมปัญหาชีวิตของตัวละครนำมาเป็นเหตุผลสำคัญที่นำไปสู่การตัดสินใจแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ข้อดีประการสำคัญของหนังเรื่องนี้คือตัวละครไม่ได้แก้ไขปัญหาด้วยวิธีการโง่เง่าจนน่ารำคาญ หลายครั้งการแสดงออกของตัวละครทำไปโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่จนแล้วจนรอด เมื่อหนังพาเราไปสู่บทสรุปก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นหรือทำให้เราร้อง “ว้าว” ไปกับหนังได้เท่าที่ควร ทั้งที่จริงแล้วตัวหนังเองมีวัตถุดิบดีๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นนักแสดง หรือตัวปมประเด็นที่หนังได้เกริ่นไว้ตั้งแต่เริ่มต้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook