รีวิว The Kid Who Would Be King ว่าด้วยการเมืองการปกครองสำหรับเยาวชน

รีวิว The Kid Who Would Be King ว่าด้วยการเมืองการปกครองสำหรับเยาวชน

รีวิว The Kid Who Would Be King ว่าด้วยการเมืองการปกครองสำหรับเยาวชน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

The Kid Who Would Be King เปิดเรื่องมาด้วยการหยิบเอาเรื่องราวของ “คิง อาเธอร์” นำมาถ่ายทอดเป็นแอนิเมชั่นขนาดสั้น เล่าถึงตำนานดังกล่าวแบบรวดเร็วฉับไวเป็นที่เข้าใจง่าย กษัตริย์อาเธอร์เป็นคนมากความสามารถ เขาสามารถรวมก๊กและเหล่าต่างในประเทศอังกฤษได้สำเร็จและเป็นพันธมิตร แต่แล้วมอร์กาน่า (รีเบคก้า เฟอร์กูสัน) ทายาทสืบสกุลเชื่อว่าเธอเหมาะสมที่จะปกครองประเทศอังกฤษได้ตามชอบธรรม เธอจึงพยายามทวงบัลลังก์ของเธอคืนด้วยการอาศัยมนต์ดำ สร้างความวุ่นวายแก่บ้านเมือง จนวันหนึ่งอาเธอร์สามารถปราบนางได้สำเร็จ ด้วยมนต์ดำทำให้มอร์กาน่าร่ายคำสาปเอาไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่แผ่นดินเกิดความวุ่นวายและปราศจากผู้นำที่แข็งแกร่งนางจะกลับมาอีกครั้งเพื่อทวงบัลลังก์ของเธอคืน เมื่อคิง อาเธอร์สามารถปกครองแผ่นดินได้อย่างสงบสุขมาเป็นเวลานาน แต่เมื่อเขาจะต้องลาจากโลกนี้ไป คิง อาเธอร์ได้ปักดาบเอาไว้บนแท่นศิลา และลั่นวาจาเอาไว้ว่า ผู้ใดก็ตามที่สามารถดึงดาบออกมาได้จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษคนต่อไป 

ตัดภาพมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันอเล็กซ์ (แอชบอร์น เซอร์กิส) เด็กชายที่คิดว่าตัวเองก็เป็นแค่คนไร้ตัวตนคนหนึ่ง ที่มักจะโดนรังแกจากสองขาโจ๋ประจำโรงเรียนอย่างแลนซ์ (ทอม เทย์เลอร์) และเคย์ (ริฮานน่า ดอริส) จนกระทั่งวันหนึ่งอเล็กซ์พลัดตกลงไปในไซต์งานก่อสร้างและพบกับดาบคิง อาเธอร์ในตำนาน เมื่อเขาดึงดาบขึ้นมาได้มอร์กาน่าก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ระหว่างนั้นเองผู้วิเศษอย่างเมอร์ลินก็จำแลงร่างมาในคราบของเด็กหนุ่มอย่างเมอร์ติน (แอนกัส อิมรีย์) เพื่อช่วยเหลืออเล็กซ์ให้เรียนรู้การเป็นอัศวิน เพื่อทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการปราบมอร์กาน่า

หลังจากที่เราดู The Kid Who Would Be King จบเราสามารถเชื่อมโยงพล็อตเรื่องของหนังเรื่องนี้ได้ว่ามันมีความใกล้เคียงกับแอนิเมชั่นอย่าง “โดราเอมอน” ที่ว่าด้วยตัวเอกเยาวชนที่รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่งเขามีโอกาสได้พบกับผู้วิเศษ ที่โผล่เข้ามาในชีวิตซึ่งมาพร้อมกับพลังวิเศษ การได้เรียนรู้ถึงความสามารถที่หลับใหลอยู่ในตัวเองของตัวละครเยาวชนในเรื่องคือการบอกคนดูว่า คนทุกคนล้วนแล้วแต่มีความสามารถในตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น แต่เราอาจจะมีความสามารถที่แตกต่างกัน มีความเชี่ยวชาญที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงควรแบ่งหน้าที่ตามความถนัดนั่นเอง

อีกประการหนึ่งคือหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนการสอนวิชาการเมืองการปกครองแด่เยาวชนที่น่าสนใจ มันพูดถึงคุณธรรมและจริยธรรมของ “ผู้นำ” ที่ควรจะมีในการนำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จหรือความปลอดภัยและนำความผาสุขมาให้แก่พลเมืองในประเทศ ระหว่างที่ดูหนังเรื่องนี้ก็ดันคิดถึงประเทศใดประเทศหนึ่งอยู่เหมือนกันนะครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook