Dumbo การกลับมาของช้างบินได้ (จากค่ายดิสนีย์)

Dumbo การกลับมาของช้างบินได้ (จากค่ายดิสนีย์)

Dumbo การกลับมาของช้างบินได้ (จากค่ายดิสนีย์)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

Dumbo คือผลงานภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ออกฉายในปี 1941 ซึ่งเป็นแอนิเมชั่นขนาดยาวลำดับที่ 4 ของค่ายดิสนีย์ ดัดแปลงมาจากงานเขียนของ “เฮเลย์ แอ๊บเบอร์สัน” และ “ฮาโรลด์ เพิร์ล” ในชื่อ “Dumbo the Flying Elephant”  ความยาวในเวอร์ชั่นต้นฉบับนั้นมีความยาวเพียง 64 นาทีเท่านั้น

 

 

เมื่อมองย้อนกลับไปกว่าเจ็ดทศวรรษที่ผ่านมาจะพบว่า Dumbo เป็นแอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จเรื่องหนึ่งตลอดกาล ได้รับคำยกย่องจากผู้ชมและนักวิจารณ์ ทำรายได้ในยุคสมัยที่ออกฉายอย่างงดงาม รวมถึงยังชนะ 1 รางวัลออสการ์ในสาขา Best Music, Scoring of a Musical Picture (ดนตรีประกอบ) อีกด้วย นอกเหนือไปจากนี้เพลงอย่าง Baby Mine ยังเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ตราตรึงใจมาจนถึงปัจจุบันนี้

 

 

การเปลี่ยนแปลงจากแอนิเมชั่นสู่ภาพยนตร์

 

ในปี 2001 ไอเดียในการพัฒนา Dumbo ให้กลายเป็นภาพยนตร์ไลฟ์ แอ็คชั่นเริ่มต้นขึ้น แต่ขั้นตอนต่างๆเริ่มเป็นรูปเป็นร่างจริงๆในปี 2014 เมื่อบทภาพยนตร์ซึ่งเขียนโดยเออร์เรน ครูเกอร์ ถูกส่งมาให้กับทิม เบอร์ตัน ผู้กำกับของเรื่อง ซึ่งเขามองเห็นความแปลกใหม่ที่ยังคงไว้ซึ่งเรื่องราวในเวอร์ชั่นต้นฉบับ ยิ่งไปกว่านั้นเหตุผลที่เขามองวาการที่ Dumbo สามารถเกาะกุมหัวใจของผู้ชมมาได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็เพราะว่าเราทุกคนต่างก็มีข้อบกพร่องในตัวเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งตัวละครอย่างดัมโบ้ก็แสดงให้เราเห็นว่าบางครั้ง ข้อบกพร่องพวกนั้นคือสิ่งที่เราทำให้เราพิเศษขึ้นมานั่นเอง

 

แน่นอนว่าในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ขนาดยาวการคงไว้ซึ่งเรื่องราวต้นฉบับเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่เมื่อมันกลายเป็นภาพยนตร์ไลฟ์แอ็คชั่น การเพิ่มเติมประเด็นกลายเป็นเรื่องสำคัญเมื่อทีมเขียนบทมองว่าเราต้องขยายเรื่องราวเพิ่มเติมและตั้งคำถามว่า “ถ้าหากดัมโบ้เป็นช้างบินได้จริงๆ จริงๆ ในสวนสัตว์จริงๆ กลางช่วงเวลายุคทองของละครสัตว์ ดัมโบ้จะส่งผลกระทบต่อผู้คนในยุคสมัยนั้นอย่างไร รวมไปถึงการสำรวจอารมณ์ของผู้คนในคณะละครสัตว์ด้วยว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับเจ้าช้างหูใหญ่อย่างดัมโบ้” ผู้อำนวยการสร้างจัสติน สปริงเกอร์ อยากจะสำรวจแง่มุมความเป็นมนุษย์ในเรื่องราวของดัมโบ้ รวมไปถึงสร้างบริบททางประวัติศาสตร์ให้กับตัวละครนี้

 

 

ในเรื่อราวของ Dumbo เมื่อความแตกต่างนำมาซึ่งความแปลกใหม่

 

ตัวละครแม็กซ์ เมดิซี เจ้าของละครสัตว์ได้ขอให้โฮลต์ แฟริเออร์ (โคลิน ฟาร์เรล) อดีตนักแสดงในละครสัตว์ของเขา ช่วยดูแลลูกช้างเกิดใหม่ที่มีหูขนาดใหญ่ ตอนแรกพวกเขาเข้าใจว่านี่คือภาระครั้งใหม่สำหรับคณะละครสัตว์ แต่เมื่อพวกเขาค้นพบว่าเจ้าดัมโบ้นั้นสามารถใช้หูที่มีขนาดใหญ่โบยบินได้ คณะละครแห่งนี้ก็กลับมารุ่งโรจน์และได้รับความนิยมอย่างเหลือเชื่ออีกครั้ง

 

ความโด่งดังของคณะละครสัตว์กลายเป็นที่เลื่องลือ จนได้รับความสนใจจากนักธุรกิจอย่างวี.เอ. แวนเดอเวีย (ไมเคิล คีตัน) ในการเลือกเจ้าดัมโบ้ให้เข้าร่วมกับดรีมแลนด์ ธุรกิจโชว์สุดอลังการ เจ้ายักษ์ดัมโบ้ได้เข้าร่วมกับนักกายกรรมเหินเวหาอย่างโคเลตต์ มาร์ชองต์ (เอวา กรีน) จนกระทั่งวันหนึ่งโฮลต์ แฟริเออร์ล่วงรู้มาว่าท่ามกลางความรุ่งเรืองของดรีมแลนด์นั้นกลับเต็มไปด้วยความลับอันมืดดำ

 

 

ทำความรู้จักเจ้าช้างน้อยดัมโบ้ (และเหล่าสัตว์ในเรื่อง)

 

ดัมโบ้ ลูกช้างนิสัยน่ารัก ผู้มีหูโตเกินตัว เป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดของคณะละครสัตว์ซอมซ่อของแม็กซ์ เมดิซี ในตอนแรก ความแตกต่างของเขาสร้างความตกใจให้กับเมดิซี ผู้คาดหวังว่าลูกช้างน่ารักตัวนี้จะช่วยดึงดูดผู้ชมจำนวนมากได้ จนกระทั่งดัมโบ้ค้นพบว่าเขาสามารถใช้หูของตัวเองในการบินได้ แต่ดัมโบ้ก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าเฉลิมฉลองเลยเมื่อแม่ที่รักของเขาถูกพรากไปจากเขา ทิ้งให้เขาอยู่กับความกลัวตามลำพัง ในฐานะดาวเด่นของสวนสนุกไฮเทคที่มีชื่อว่า ดรีมแลนด์

 

ทีมผู้สร้างเชื่อว่าผู้ชมทุกคนจะสามารถเชื่อมโยงตัวเองกับดัมโบ้ได้ในทางใดก็ทางหนึ่ง และในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นั้นทีมงานก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่าในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นั้นจะต้องไม่มีสัตว์ตัวใดในเรื่องสามารถพูดได้ (ในขณะที่เวอร์ชั่นการ์ตูนนั้น สัตว์บางตัวเช่น นกกระสา ฝูงช้าง หนูชื่อทิโมธีและฝูงกาพูดได้)

 

ตัวละครสัตว์ใน Dumbo จึงมีลักษณะคล้ายกับหนังใบ้ของชาร์ลี แชปลิน ซึ่งตัวละครสัตว์ในเรื่องถูกสร้างขึ้นมาจาก CGI ซึ่งเมื่อตัวละครสัตว์เหล่านี้ไม่สามารถพูดได้ พวกมันจึงต้องอาศัยการแสดงสีหน้าแววตาและท่าทางเพื่อสื่อสารอารมณ์ต่างๆให้ผู้ชมได้รับรู้

 

 

การเนรมิตช้างหูใหญ่และบินได้

 

ในฐานะที่ทิม เบอร์ตันเป็นผู้กำกับ ได้ใช้เทคนิค CGI สร้างดัมโบ้ขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกันทีมงานได้ใช้การสร้างหุ่นเทียมเพื่อทำให้นักแสดงมนุษย์ที่ต้องเข้าร่วมฉากกับดัมโบ้ได้แสดงอารมณ์ออกมา หรือบางฉากก็ใช้นักแสดงมนุษย์มาเป็นตัวแทนเจ้าช้างดัมโบ้ ซึ่งนักแสดงคนดังกล่าวคือเอ็ดด์ ออสมอนด์ ที่ต้องสวมชุดสีเขียวเพื่อนำไปทำซีจีในภายหลัง

 

 

เพลง Baby Mine” ในเวอร์ชั่นใหม่

 

เพลงประกอบแอนิเมชั่น Dumbo ที่น่าจดจำตลอดกาลนั้นสำหรับในเวอร์ชั่นใหม่นี้ เพลง Baby Mine ถูกขับร้องโดยวงอินดี้ร็อคจากประเทศแคนนาดาอย่าง Arcade Fire มาขับร้องเป็นเพลงในช่วงเอนเครดิตของภาพยนตร์ และในเวอร์ชั่นพากย์ภาษาไทยนั้นมาเรียม เกรย์ อัลคาลาลี่ จากวง B5 ได้พากย์เสียงเป็นตัวละคร Miss Atlantic หรือแม่ของดัมโบ้ ซึ่งเป็นผู้ขับร้องเพลง "Baby Mine" เป็นภาษาไทย

 

สำหรับ Dumbo นั้นจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 28 มีนาคม 2562 นี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook