ถึงเวลาของ Hellboy ฮีโร่จากนรก กลับมาขึ้นจออีกครั้ง

ถึงเวลาของ Hellboy ฮีโร่จากนรก กลับมาขึ้นจออีกครั้ง

ถึงเวลาของ Hellboy ฮีโร่จากนรก กลับมาขึ้นจออีกครั้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Hellboy คือคอมิกส์ที่มีชื่อเสียงอีกเรื่องหนึ่งในแวดวงคนอ่านหนังสือการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ แม้ว่าจะไม่ได้มาจากค่ายดังอย่างดีซี หรือ มาร์เวล แต่ด้วยความโดดเด่นทางคาแรกเตอร์ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูคล้ายสัตว์ประหลาดมากกว่าฮีโร่ แถมยังมีผิวเป็นสีแดงเพลิง ก็ทำให้ตัวละครนี้สะดุดตาและอยู่ในความทรงจำของนักอ่านมาหลายสิบปี

 

 

การขึ้นจอครั้งแรกของ Hellboy

ในปี 2004 Hellboy ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ขึ้นจอใหญ่เป็นครั้งแรก ผลงานการกำกับของ กิลโยโม่ เดล โตโร่ หนังค่อนข้างได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ แต่รายรับที่หนังเก็บเงินไปจนกระทั่งสิ้นสุดการฉายนั้นทำเงินไปได้ทั่วโลก 99 ล้านเหรียญฯ จากต้นทุนในการสร้าง 66 ล้านเหรียญฯ จากกำไรเพียงน้อยนิด แต่ทีมผู้สร้างก็ยังมองเห็นอนาคตของแฟรนไชส์ฮีโร่จากนรกคนนี้ ทำให้การเปลี่ยนผ่านสตูดิโอผู้จัดจำหน่ายจากภาคแรกโดย โซนี่ พิคเจอร์ส มาเป็น ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ในปี 2008 Hellboy II: The Golden Army ได้รับเสียงชื่นชมในแง่บวกจากนักวิจารณ์และสามารถกวาดรายได้ทั่วโลกไปถึง 160 ล้านเหรียญฯ จากต้นทุน 85 ล้านเหรียญฯ

 

 

เวอร์ชั่นรีบูตกลับมาอีกครั้ง

Hellboy ในเวอร์ชั่นล่าสุดทิ้งห่างจากหนังภาคที่ 2 เป็นเวลาถึง 11 ปี อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนแปลงสตูดิโอมาเป็น ไลออนเกตส์ แต่การเปลี่ยนแปลงก็นำมาสู่อะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ฉบับปี 2019 จะเล่าเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่สีแดงเพลิงที่ต้องออกไปปฏิบัติภารกิจปราบยักษ์ที่กำลังอาละวาด แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับราชินีเลือดจากอดีตกาลผู้ฟื้นคืนชีพมาพร้อมกับความแค้น นิมเว (มิลล่า โจโววิช) การเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์และอสูรจากนรกได้กลายเป็นสมรภูมิที่เปลี่ยนให้เมืองทั้งเมืองกลายเป็นนรกบนดิน และสิ่งเดียวที่อยู่ระหว่างความหวังและหายนะของมวลมนุษยชาติก็คือ ชายที่มีทั้งสายเลือดของมนุษย์และสายเลือดของปีศาจ ชายที่สืบทอดชะตากรรมมานับแต่อดีตกาล ชายผู้มีนามว่า “เฮลล์บอย” (เดวิด ฮาร์เบอร์)

 

 

ฉบับโหดและเลือดสาด

จากคอมิกส์ของ ไมค์ มิกโนล่า และยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน หนังฮีโร่หลายๆ เรื่องทำให้ผู้ชมเริ่มที่จะเปิดใจยอมรับว่าซูเปอร์ฮีโร่นั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบไปซะทุกด้าน หลังจากความสำเร็จของหนังฮีโร่เรท R อย่าง Deadpool และ Logan เป็นบทพิสูจน์ว่าความดิบเถื่อนในหนังซูเปอร์ฮีโร่เป็นสิ่งที่คนดูเปิดรับมากยิ่งขึ้น และนี่เป็นโอกาสที่จะผลักดัน Hellboy ในเวอร์ชั่นนี้ มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิม นองเลือด และตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น เพื่อแสดงความเคารพในงานคอมมิคต้นฉบับที่ดุเดือดอยู่แล้วนั่นเอง โดยในหนังเวอร์ชั่นนี้ทีมผู้สร้างตัดสินใจใช้คอมิกส์ ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2010 The Wild Hunt เป็นการรวมเรื่องของ Hellboy จากคอมิกส์ฉบับที่ 37 จนถึง 44

ในคอมิกส์ The Wild Hunt ยังเป็นเส้นเรื่องที่เผยถึงต้นกำเนิดอันยิ่งใหญ่ของ Hellboy และเล่าเรื่องในแบบฉบับเดียวกับในเวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูน บทภาพยนตร์ได้รับความร่วมมือจาก ไมค์ มิกโนล่า (ผู้เขียนคอมิกส์) และ แอนดริว คอสบี้ ในการตรวจทานเส้นเรื่อง เนื่องจากในฉบับปี 2019 จะมีการหยิบเอาเส้นเรื่องหลักและเส้นเรื่องย่อยจากหนังสือการ์ตูนในฉบับอื่นๆ เข้ามาหลอมรวมกันให้ลงตัวที่สุด

 

 

เลือกผู้กำกับมาสรรสร้างความโหด

การตามหาผู้กำกับที่เหมาะจะมาดูหนังแอ็กชั่น สยองขวัญ เรท R ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนก็คือ นีล มาร์แชล คือ ผู้กำกับที่เคยกำกับซีรีส์บล็อกบัสเตอร์ของช่อง HBO เรื่องดังอย่าง Game of Thrones และ Westworld รวมถึงภาพยนตร์สยองขวัญ “The Descent”

เมื่อ นีล มาร์แชล ตัดสินใจเข้ามารับหน้าที่ผู้กำกับ เขารู้ทันทีว่า นี่คือการแบกรับความคาดหวังของแฟนคอมิกส์ Hellboy เขาจึงพยายามสร้างโจทย์ว่า จะต้องทำอย่างไร เพื่อให้หนังไม่ฉีกออกนอกลู่นอกทางไปเกินเวอร์ชั่นคอมิกส์ ซึ่งนั่นหมายถึงการเจาะลึกเข้าไปในส่วนของตัวละคร Hellboy ในครั้งนี้คือการเดินทางค้นหาตัวเองตามคอนเซ็ปต์ของหนังสือ

 

 

Hellboy คนใหม่

การตามหา Hellboy คนใหม่นั้น ทีมงานต้องการนักแสดงที่ดูน่าเกรงขาม มีอารมณ์ขัน และดูเป็นคนร่างใหญ่ ซึ่งพวกเขาได้ตัดสินใจเลือก เดวิด ฮาร์เบอร์ ชายร่างใหญ่ สูง 6 ฟุต 3 นิ้ว พร้อมน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ และมีดวงตาที่ทำให้คุณละสายตาไปไม่ได้ เขาเป็นนักแสดงที่เสมือนมีพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ และคุณก็จะสัมผัสความรู้สึกเหล่านี้ได้ผ่านตัวละครที่เขาแสดง ซึ่งผู้ชมหลายคนอาจจะคุ้นหน้าเขาจากซีรีส์ Netflix อย่าง Stranger Things

เดวิด ฮาร์เบอร์ กล่าวถึงตัวละครที่เขารับเล่นว่า “ตัวละครเฮลล์บอยนั้น เขาเป็นคนแปลก เฮลล์บอยมักจะถูกล้อเลียนโดยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นดีเพราะผมก็เคยรู้สึกเช่นนั้น ผมคิดว่าทุกคนก็เคยมีความรู้สึกเช่นนั้นด้วย ไม่มีใครบนโลกนี้ที่เป็น ‘ปกติ’ ตลอดเวลา นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผมหลงรัก Hellboy และก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลายๆ คนถึงชื่นชอบเขาครับ”

 

 

ราชินีเลือดตัวร้ายผู้น่าเกรงขาม

คู่ปรับที่ดูสมน้ำสมเนื้อกับเฮลล์บอยก็คือ นิมเว ราชินีเลือด และผู้รับบทก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือสาว มิลล่า โจโววิช นักแสดงจากประเทศยูเครน เป็นที่รู้จักดีในบทของ อลิซ จากภาพยนตร์แฟรนไชส์ “Resident Evil” ตัวละครนี้มาพร้อมกับคำถามที่ส่งไปถึงเฮลล์บอยว่า ‘ท่านเป็นพวกเดียวกับเรา’ เธออยากจะรู้ว่าทำไมเขาถึงใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ ทำไมเขาถึงพยายามทำให้เหล่าผู้คนที่เกลียดและกลัวเขายอมรับ‘ท่านสามารถเป็นฮีโร่ในโลกของฉัน’ นิมเวอยากใช้พลังของเฮลล์บอยมาช่วยสร้างอาณาจักรใหม่สำหรับพวกเขาทั้งสองนั่นเอง

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ ถึงเวลาของ Hellboy ฮีโร่จากนรก กลับมาขึ้นจออีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook