Pet Sematary วอน ว่า ตายไปเลยยังดีซะกว่า
จากผลงานนิยายสยองขวัญเรื่องดังของ “สตีเฟ่น คิง” สู่การดัดแปลงเป็นภาพยนตร์จอใหญ่อีกครั้ง ที่ระทึกกว่าเดิม สยองขวัญกว่าเดิม และที่สำคัญคือการกลับมาครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดจากเวอร์ชั่นหนังในปี 1989 หลายส่วนเช่นกัน
Pet Sematary 2019
นายแพทย์หลุยส์ ครีด (เจสัน คลาร์ก) ได้พาครอบครัวซึ่งประกอบไปด้วย เรเชล (เอมี่ ซีเมทซ์) ภรรยาของเขา พร้อมด้วยลูกทั้งสองคน ย้ายบ้านจากบอสตัน มาอยู่ที่ย่านชนบทของเมืองเมน เขาค้นพบว่ามีพื้นที่ฝังศพลึกลับแอบซ่อนอยู่ลึกในป่าใกล้ๆ กับบ้านหลังใหม่ของพวกเขา เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมที่ไม่คาดฝันขึ้นกับครอบครัว หลุยส์หันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านที่ดูไม่ปกติอย่าง จั๊ด แครนดัลล์ (จอห์น ลิธโกว์) และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการกระทำสุดอันตรายที่เป็นการปลดปล่อยวิญญาณชั่วช้าที่มาพร้อมกับผลพวงอันน่าสยดสยองจนบางครั้ง “ตายไปแล้วยังจะดีซะกว่า”
เวอร์ชั่นนวนิยายของสตีเฟ่น คิง
Pet Sematary วางจำหน่ายในปี 1983 และเป็นที่กล่าวขานของนักอ่านนิยายสยองขวัญมาแล้วนับหลายสิบปี ซึ่งนิยายของสตีเฟ่น คิงนั้นมักจะมีจุดเด่นในการหยิบเรื่องราวในชีวิตประจำวันของมนุษย์เข้ากับสถานการณ์พิเศษหรือเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เพื่อนำพาคนอ่านไปสำรวจด้านมืดของจิตใจมนุษย์ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของครอบครัวครีด ที่เป็นเรื่องราวความรักและการสูญเสียอันแสนน่าเจ็บปวดและชวนหดหู่
Pet Sematary เล่นกับความเป็นมนุษย์ที่พาคนดูไปสำรวจความยินยอมพร้อมใจของคนที่ลงมือกระทำการใดโดยปราศจากการยังคิด เพียงเพื่อต้องการจะรักษาครอบครัวเอาไว้ หนังในเวอร์ชั่นปี 2019 จึงไม่ใช่การรีเมคจากงานในปี 1989 แต่เป็นการหยิบเอานิยายต้นฉบับมาดัดแปลงใหม่อีกครั้ง ซึ่งหลายประเด็นที่มีอยู่ในหนังสือ อาจจะไม่ได้อยู่ในตัวหนังเวอร์ชั่นนี้เช่นกัน
เร้าอารมณ์ด้วยการเล่นกับความสูญเสีย
แม้ว่าตัวละครในเรื่องจะต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียมาแล้ว แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่หนังเวอร์ชั่นปี 2019 นั้นผู้ชมยังคงจะได้สนุกกับการที่ตัวละครในเรื่อง กระทำการบางอย่างและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่จะให้คนดูเอาใจช่วยว่า “อย่าทำอะไรแบบนั้นเลย”
ในยุคปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนดูหนังสยองขวัญและคนดูทั่วไป มีอารมณ์ร่วมกับหนังในแนวทางนี้ซับซ้อนยิ่งขึ้น พัฒนาการของตัวละครจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนดูเกิดความผูกพันทางอารมณ์และคนดูอยากจะเอาใจช่วย
เควิน โคลสช์ และเดนนิส วิดไมเออร์สองผู้กำกับสำหรับหนังในเวอร์ชั่นนี้ ได้จัดการหาความสมดุลกันระหว่างโลกของคนปกติกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ หลอมรวมเข้าไว้ด้วยกันและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเนื้อหาจากนิยายต้นฉบับด้วยการเปลี่ยนตัวละครที่ตายจากลูกชายคนเล็กอย่างเกจในวัย 2 ขวบ ให้กลายเป็นลูกสาววัย 8 ขวบอย่างเอลลี่แทน
การฟื้นคืนชีพของแอลลี่ นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของตัวละครในครอบครัวและเปิดโอกาสให้หนังเวอร์ชั่นนี้ได้สำรวจความสัมพันธ์ของตัวละครได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากสองผู้กำกับมองว่าเนื่องจากตัวละครอย่างหลุยส์และเรเชลมีความผูกพันกับลูกคนโตของพวกเขาแตกต่างออกไป ซึ่งช่วยให้คนดูรู้สึกเชื่อมโยงถึงเธอได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นด้วย และทำให้พวกเขามีอิสระที่จะแสดงให้เห็นว่าลูกที่ฟื้นจากความตายนั้นมีผลกระทบพิเศษ เมื่อเธอเล่นเกมทางจิตที่ซับซ้อนกับพ่อของเธอ และแสดงท่าทางที่พวกเขาคงไม่อาจเล่นได้กับตัวละครที่เป็นเด็กเล็ก
สี่ตัวละครสำคัญใน Pet Sematary
หลุยส์ ครีดเป็นนายแพทย์ผู้สละงานที่บอสตัน เพื่อมาทำงานที่ศูนย์สุขภาพมหาวิทยาลัยในย่านชานเมืองของเมน เขาหวังว่าการย้ายบ้านครั้งนี้จะทำให้ชีวิตครอบครัวเครียดน้อยลง และทำให้เขากับครอบครัวมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น
เรเชล(เอมี่ ไชเม็ตซ์) ภรรยาของหลุยส์ เธอยังคงเจ็บปวดกับการตายของพี่สาวของเธอที่ชื่อ เซลด้าเพราะอาการป่วยเรื้อรังที่เธอมองว่าเป็นความรับผิดชอบของตัวเอง แม้ว่าจะย้ายออกมาอยู่ที่ชานเมืองอันเงียบสงบ แต่เธอกลับจอมจ่อมอยู่กับความทรงจำครั้งเก่า
เอลลี่ ครีด (เจ็ตเท่ ลอว์เรนซ์) ลูกสาวคนโตของครอบครัวเอลลี่รู้สึกวิตกกังวลกับการที่ต้องย้ายมาที่เมน และต้องทิ้งทุกอย่างที่เธอคุ้นเคยเอาไว้เบื้องหลัง เมื่อเชิร์ช แมวที่เธอรักมากถูกรถบรรทุกทับตาย พ่ออยากปกป้องเธอจากเรื่องของความตายให้นานขึ้นอีกนิด การตัดสินใจของเขาคือก้าวแรกที่นำไปสู่เส้นทางหายนะของครอบครัวครีด ตัวละครนี้เริ่มต้นด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู แต่เมื่อเธอกลายร่างและกลับมาจากความตาย เธอได้กลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่เกรี้ยวกราดและไม่สนใจว่าเธอจะทำร้ายใครก็ตาม
จั๊ด แครนดัลล์ (จอห์น ลิธโกว์) เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดของครอบครัวครีดในเมน คือคนที่เริ่มต้นเหตุโศกนาฏกรรมนี้ เขาอยู่ในเมืองนี้มาตลอดชีวิตและรู้ประวัติของชุมชนนี้ดี รวมถึงเรื่องเล่าขานต่างๆ อาจจะรู้ดีเกินไปด้วย เขาเริ่มสนิทสนมกับครอบครัวนี้ โดยเฉพาะกับเอลลี่
นักแสดงแมวผี!
เชิร์ช (ย่อมาจากวินสตัน เชอร์ชิลล์) แมวของเอลลี่ ซึ่งเป็นเสมือนลางสังหรณ์ของโชคชะตาของครอบครัวครีด เป็นแมวขี้เล่น น่ารักในตอนเริ่มต้นเรื่อง เมื่อสุสานฝังศพทำให้มันฟื้นคืนชีพ มันกลับกลายเป็นแมวที่ดุและร้าย และกลิ่นเหมือนเนื้อเน่า
นักแสดงแมวที่เป็นดารานำของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ โทนิคแมวเมนคูน ซึ่งเป็นแมวสายพันธุ์ในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุด แมวเมนคูนเป็นแมวที่เฉลียวฉลาด และชอบเข้าสังคม โดยถูกผสมสายพันธุ์ให้มีแผงคอและขนที่มีลักษณะพิเศษ เชิร์ชแสดงโดยแมวสองตัว คือโทนิคและลีโอ ซึ่งมีจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์อย่างการขู่ การจ้องมองและการนั่งนิ่งๆ