“Us” การลดระดับความน่ากลัวของ จอร์แดน พีล

“Us” การลดระดับความน่ากลัวของ จอร์แดน พีล

“Us” การลดระดับความน่ากลัวของ จอร์แดน พีล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จะว่าไป จอร์แดน พีล แกเป็นคนประหลาดและน่าสนใจมากอยู่เหมือนกันนะครับ ประหลาดในแง่ที่ว่าการเป็นคนเบื้องหน้าในฐานะนักแสดงกับคนเบื้องหลังในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์นี่คนละเรื่องคนละทางกันเลย

คือในฐานะนักแสดงซึ่งมีผลงานส่วนใหญ่เป็นซีรีส์นั้น จอร์แดน พีล แกเป็นดาวตลก เป็นคอเมเดี้ยนครับ แต่พอมาทำหนังเรื่องแรกอย่าง Get Out เมื่อสองปีที่แล้ว หนังของแกกลับดูซีเรียสและเล่าประเด็นเรื่องสีผิวได้แหลมคมมาก แถมยังน่ากลัวมากทีเดียว ที่สำคัญแม้จะเป็นเพียงแค่หนังเรื่องแรกเท่านั้นแต่ก็ดูรู้ครับว่า จอร์แดน พีล แกมือถึงพอสมควร

UIPจอร์แดน พีล ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Us

ซึ่ง Us ผลงานชิ้นที่สองที่ พีล ทั้งกำกับและเขียนบทด้วยตัวเองเหมือนเคยก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า จอร์แดน พีล แกมีคลาส ไม่ใช่ผู้กำกับธรรมดาๆ แม้โดยรวมเรื่องนี้จะดร็อปจาก Get Out ลงไปบ้าง แต่ Us ก็ดูสนุกและน่าตื่นเต้นตามสมควรครับ เรียกว่าดูเพลินๆ ให้พอระทึกขวัญนั้นได้เลย

แต่ถ้าเทียบกันในภาพรวมแล้ว ผมยังคิดว่า Get Out ดูดีกว่า ตื่นเต้นสุดขีดกว่า และสนุกกว่านิดๆ

UIPUs

สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นปัญหาของ Us ก็คือหนังมันเล่นใหญ่เกินไปหน่อยในทุกๆ มิติ ทั้งที่เป็นการพยายามพูดซ้ำในประเด็นที่ Get Out บอกเล่าเอาไว้นั่นคือ ประเด็นเรื่องการทำให้คนชายขอบในสังคม (ซึ่งอาจหมายถึงคนผิวสีในสังคมอเมริกาด้วยก็ได้) ต้องกลายเป็นคนในสังคมกระแสหลักทั้งจากการบีบบังคับของคนส่วนใหญ่เอง และจากการไม่เหลือทางเลือกของคนชายขอบเองก็ตาม ประเด็นใน Get Out มีประมาณนั้น แต่ทำออกมาสนุก น่าตื่นเต้น มีความสดใหม่ที่เดาทางของผู้กำกับแกไม่ได้

UIP

แต่พอกลับมาที่ Us ซึ่งตัวบทของมันยังพูดเรื่องคล้ายๆ เดิมกับ Get Out แต่ปรับเปลี่ยนไปเล่าเรื่องของผู้ถูกหลงลืมในสังคมผ่านสถานะของการเป็นด็อปเปิลแกงเกอร์ หรือฝาแฝดผู้ชั่วร้าย ซึ่งถูกบีบบังคับให้อยู่ในโลกอันถูกหลงลืมจากกระแสหลัก และด็อปเปิลแกงเกอร์เหล่านั้นก็ปรากฏตัวขึ้นมาทำอะไรที่คล้ายๆ จะเป็นการก่อการร้ายสร้างความวินาศให้กระแสหลักนั้นผมกลับเห็นว่าไอ้ความใหญ่ของตัวเรื่องนี่แหละครับที่มันเป็นปัญหาของหนังและของ จอร์แดน พีล เอง

กล่าวคือพอบริบทมันใหญ่ มันเลยจำเป็นต้องอธิบายที่มาที่ไป ต้องโยงให้เห็นว่าอะไรมันข้องเกี่ยวกับอะไรและก่อให้เกิดอะไรตามมา ความยุบยิบเหล่านี้เองที่ก่อให้เกิดรูรั่วในบทของหนังพอสมควร พอดูๆ ไปเริ่มรู้สึกไม่เม้คเซนส์ ไม่น่าเชื่อ พอกลัวคนดูไม่ชื่อ คนทำก็ต้องอธิบายเพิ่ม พออธิบายเพิ่มก็เริ่มเป๋ๆ ไป อะไรทำนองนั้นน่ะครับ

UIP

นั่นจึงทำให้ผมมองว่า เมื่อหนังเดินทางมาถึงจุดที่ต้องอธิบายปรากฏการณ์การคุกคามของเหล่าด็อปเปิลแกงเกอร์แล้ว หลังจากนั้นระดับความน่าหวาดกลัว ความน่าสั่นสะพรึง ความป่วนประสาทคนดูก็ลดลงไปเลย ซึ่งตรงนี้ต่างจาก Get Out ที่ความน่าหวาดกลัวไม่มีลด มีแต่จะไต่ระดับขึ้นเรื่อย สนุก ตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งก็น่าเสียดายนิดๆ สำหรับ Us นะครับ เพราะว่าช่วงบิลด์คนดู set up อารมณ์แรกๆ นั้น หนังน่ากลัวมาก ดูแล้วอึดอัด หายใจไม่ทั่วท้องยังไงพิกล แค่พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วกลัวน้อยลงไปจนถึงไม่กลัวเลยเท่านั้นเอง

UIP

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมก็ต้องบอกว่ามันแค่ดร็อปลงไปจาก Get Out หนังเรื่องแรกของ จอร์แดน พีล เท่านั้นเองนะครับ เมื่อพิจารณาที่ตัวมันเอง Us ก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น อย่างที่บอกตอนต้นว่าดูได้เพลินๆ น่ากลัวระดับหนึ่ง มีมาตรฐานและมีคลาสของผู้กำกับชัดเจน แค่คิดว่ายังเทียบเรื่องแรกไม่ได้เท่านั้นเองครับ

 

ชมตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Usได้ ที่นี่

 

เกี่ยวกับผู้เขียน
จักรพันธุ์ ขวัญมงคล
นักเขียน นักแปล นักวิจารณ์ภาพยนตร์ และบรรณาธิการอิสระ สนใจความเคลื่อนไหวในแวดวงศิลปะและสังคม

อัลบั้มภาพ 38 ภาพ

อัลบั้มภาพ 38 ภาพ ของ “Us” การลดระดับความน่ากลัวของ จอร์แดน พีล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook