[รีวิว] The Silence พลอตไม่ใหม่ แถมมาทีหลังเขาอีก

[รีวิว] The Silence พลอตไม่ใหม่ แถมมาทีหลังเขาอีก

[รีวิว] The Silence พลอตไม่ใหม่ แถมมาทีหลังเขาอีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

เมื่อนักโบราณคดีขุดค้นโบราณสถานใต้ดินที่ปิดผนึกมากว่าพันปี ทำให้ปลดปล่อยปีศาจร้ายคล้ายค้างค้าวกว่าล้านตัวออกมาสู่ผิวโลก โดยลักษณะเด่นของพวกมันคือมองไม่เห็นเพราะมีชีวิตอยู่ใต้ผิวโลกมายาวนาน หากแต่อวัยวะการได้ยินนั้นพัฒนาขึ้นมาก ครอบครัวแอนดรูว์สประกอบด้วยพ่อแม่ ยาย และลูกสาว ลูกชาย โดยเฉพาะลูกสาวอย่างแอลลี่นั้นประสบอุบัติเหตสูญเสียการได้ยินไปตั้งแต่ 3 ขวบ ทำให้ทั้งบ้านสามารถใช้ภาษามือคุยกันได้อย่างคล่องแคล่ว และช่างประจวบเหมาะที่โลกเวลานี้ไม่ต้องการการส่งเสียงโปรแกรมชูโรงของเน็ตฟลิกซ์มีมาให้ชมอย่างต่อเนื่อง หนังเรื่องนี้เปิดมาว่าเป็นหนังที่จะสืบทอดความนิยมของ Bird Box ที่ ซานดรา บุลล็อก แสดงนำ ซึ่งมีความบิดพลอตจากห้ามมอง เป็นห้ามให้ได้ยินเสียง ซึ่งมาจุดนี้ก็คงรู้สึกคล้าย ๆ กันว่า อ่าว A Quiet Place หนังม้ามืดมาแรงเมื่อปีก่อนของ จอห์น คราซินสกี้  ก็มาพลอตนี้เลยนี่น่า ก็ต้องยอมรับว่าจริง แต่จุดแตกต่างของ The Silence ก็คือการเผชิญหน้ากับมนุษย์ด้วยกันมากกว่าสัตว์ร้าย แต่ก็นั่นล่ะพลอตโลกสลายแล้วลาสต์บอสคือมนุษย์ด้วยกันนี่ นึกมาได้อีกหลายเรื่องเลย สรุปแล้วหนังจึงเป็นการดึงส่วนผสมของหนังโลกสลายหลาย ๆ เรื่องมายำเสียมากกว่าจะเป็นหนังที่มีเอกลักษณ์ดั้งเดิมเป็นของตนเอง

หนังกำกับโดย จอห์น อาร์. ลีโอเน็ตติ ที่เคยกำกับ Mortal Kombat: Annihilation (1997) และ Annabelle (2004) โดยนำเรื่องราวจากนิยายชื่อเดียวกันของ ทิม เล็บบอน นักเขียนแนวสยองขวัญชาวอังกฤษเมื่อปี 2015 มาดัดแปลง  ซึ่งว่ากันตามจริงน่าจะมาก่อนหรือพอ ๆ กันกับโปรเจกต์ของคราซินสกี้ด้วยซ้ำ แต่โลกนี้มีอยู่ว่าใครทำก่อนคนนั้นก็ได้ชื่อไป ในโลกของภาพยนตร์จึงต้องยอมรับว่า The Silence ของลีโอเน็ตติคือผู้ตาม และตามลักษณะปกติของผู้ตาม คือต้องทำหนังให้พีคกว่า ว้าวกว่า เพิ่มนู่นนี่ให้หนักข้อกว่า แต่สำหรับหนังเน็ตฟลิกซ์เรื่องนี้ ออกแนวไม่สนใจหนังที่คนดูมาก่อนหน้า และมุ่งมั่นตามนิยายไปซึ่งก็ดีในแง่ความเคารพต่องานเดิม และก็ดีในแง่ความเป็นหนังสยองสำหรับสตรีมมิ่งที่ซีจีทำได้ดี วางสถานการณ์ได้พลิกผันน่าสนใจ และมีตัวละครที่มีเสน่ห์พอให้ตามดู แต่หากแต่มองในแง่ภาพยนตร์มันก็แทบไม่มีจุดขายใหม่ ๆ ใดเลย

ส่วนที่ดีที่สุดสำหรับหนังคงเป็น เคียร์แนน ชิพกา นักแสดงสาวที่โดดเด่นมาตั้งแต่ครั้งเล่นซีรีส์ Mad Men จนล่าสุดก็มานำในซีรีส์ Chilling Adventures of Sabrina ซึ่งถูกวางให้เป็นตัวเดินเรื่องในบทเด็กสาวที่สูญเสียการได้ยินจากอุบัติเหต ชิพกาก็ถ่ายทอดความบอบบางให้คนดูร่วมลุ้นได้ดี แต่น่าเสียดายว่าบทที่ชงมาว่าเธอได้สัมผัสพิเศษมาทดแทนนั้นแทบไม่ได้ใช้เป็นจุดเปลี่ยนใดในหนังเลย ส่วนอีกคนที่แสดงได้น่าจดจำคือตัวร้ายอย่าง บิลลี่ แมคเลลเลน นักแสดงที่หนักมาทางสายซีรีส์และวิดีโอเกม แม้บทมาไม่มากแต่ก็ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังและน่าหมั่นไส้ได้อย่างดี ส่งผลให้เอาใจช่วยฝั่งตรงข้ามอย่างพวกตัวเอกได้อย่างสนิทใจ นับว่าเป็นหนังที่ดูได้เพลินได้สนุกเรื่องหนึ่งครับ แต่อาจจะไม่ได้แปลกใหม่มากนัก

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook