[รีวิว] The Curse of La Llorona ตัวอย่างหนังน่ากลัวกว่าเยอะ
ลาโรโยนา ผีตัวล่าสุดในจักรวาลคอนจูริ่ง ที่รอบนี้เจมส์ วาน ดึงเอาผีในตำนานปรัมปราของเม็กซิโกมาขยายเป็นหนังเรื่องยาว ต่างจากผีแม่ชี และ แอนนาเบลล์ 2 ผีตัวก่อนหน้าที่ดึงมาจากหนัง The Conjuring แล้วขยายออกมาเป็นภาคแยก หนังตกอยู่ในความรับผิดชอบของผู้กำกับหน้าใหม่ ไมเคิล ชาเวส ที่ไม่เคยกำกับหนังยาวมาก่อนเลยสักเรื่องเดียว แต่ก็ได้รับความไว้ว่างใจจากเจมส์ วาน ให้ประเดิมกับเรื่องนี้ แถมยังมั่นใจให้ ไมเคิล ชาเวส ไปสานต่อ The Conjuring 3 แทนตัวเขาเอง ที่กำกับทั้งภาค 1 และ 2 มาด้วยตัวเอง
ด้วยเหตุที่ ลาโรโยนา เป็นผีจากตำนานปรัมปรา หนังก็เลยเปิดเรื่องด้วยเรื่องรวของลาโรโยนา ในยุคอดีตกาลตอนที่เธอยังเป็นคนอยู่ ลาโรโยนา เป็นสาวสวยที่ตกหลุมรักกับเศรษฐีรูปงาม ได้แต่งงานและมีลูกชาย 2 คน แต่ไม่นานจากนั้นสามีก็ไปมีหญิงใหม่ และพามาหยามเธอถึงที่บ้าน ทำให้ลาโรโยนาโกรธจัดจนขาดสติ ด้วยความคิดอยากจะประชดสามีจึงจับลูกชายทั้ง 2 กดน้ำตาย พอลูกตายสติกลับมา ลาโรโยนารู้สึกผิดกับบาปที่เธอได้ทำลงไป เลยกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย วิญญาณไมได้ไปผุดไปเกิด แต่กลับวนเวียนตามล่าเอาชีวิตเด็กเพื่อเอามาทดแทนลูกทั้ง 2 ของเธอ หนังตัดมาในยุค 70s เล่าเรื่องราวครอบครัวของแอนนา เจ้าหน้าที่ศูนย์สังคมสงเคราะห์ในลอส แองเจลิส แอนนาดูแลความเป็นอยู่ของครอบครัวเม็กซิกันที่มีแพททริเซีย ผู้เป็นแม่และลูกชายอีก 2 คน ครอบครัวนี้บังเอิญไปต้องคำสาปของลาโรโยนา ที่กำลังตามเอาชีวิตลูกชายทั้ง 2 ของแพททริเซีย และด้วยความที่แอนนาไปพัวพันกับครอบครัวนี้ทำให้ ลาโรโยนา มาตามพยาบาทต่อถึงครอบครัวของเธอ ทำให้คริส และ แซม ลูกทั้ง 2 ของแอนนากลายเป็นเป้าหมายต่อไปของลาโรโยนา
หนังทำได้น่ากลัวมากในช่วงแรก กับการปูความสยองของลาโรโยนา ที่เริ่มคืบคลานมาสู่ครอบครัวของแอนนา ฉากหลอกหลอนหลาย ๆ ฉากถือว่ามีไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ทั้งฉากหลอกเด็กในรถเล่นกับกระจกหน้าต่างมือหมุน เป็นฉากสยองชวนลุ้นมาก และฉากหลอกเด็กริมสระน้ำที่ดึงเอาร่มกันฝนมาเป็นอุปกรณ์ผีหลอกได้เข่าท่าดี ที่น่าเสียดายคือฉากเด็ด ๆ ที่น่ากลัวนี่เราได้เห็นกันหมดแล้วในตัวอย่างหนัง ฉากอื่น ๆ ก็ไม่ได้ชวนลุ้นเท่านี้แล้ว การออกแบบภาพลักษณ์ของลาโรโยนา ก็ถือว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นผีหน้าขาวตาดำฟันดำอยู่ในชุดลูกไม้สีขาวเหมือนชุดเจ้าสาว พอเป็นชุดขาวแล้วจับไปอยู่ในมุมมืด ๆ ก็เอาไปประยุกต์ใช้ในฉากหลอนได้มาก แต่พอเข้าครึ่งหลัง ลาโรโยนา เริ่มปรากฏตัวบ่อยขึ้น แล้วไม่โผล่มาแบบวับ ๆ แวม ๆ อีกต่อไปแล้ว แต่มาแบบตัวเป็น ๆ โจ้ง ๆ เลย พออกมาถี่ขึ้น ความน่ากลัวก็ลดน้อยถอยลงไป แรก ๆ ยังปิดตาชวนลุ้น พอเข้าครึ่งหลังนี่นั่งดูได้เฉย ๆ แล้ว
ผีลาโรโยนานี่ถือว่าพ้นขีดจำกัดของผีทุกตัวในจักรวาลคอนจูริ่งไปแล้ว คือเธอมีร่างกายจับต้องได้ สามารถออกมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับบรรดาเหยื่อได้ด้วย ด้วยความที่พลอตหนังไม่มีอะไรซับซ้อน ทำให้เล่าเรื่องได้ไม่มาก ตัวละครในหนังก็ไม่มาก หลัก ๆ ก็มีแค่แม่กับลูกทั้ง 2 หนังก็เลยจำต้องเดินหน้าไปด้วยฉากลาโรโยนาออกมารังแกเด็กไปทุก ๆ วัน หลัง ๆ ก็เลยเริ่มหมดมุก ต้องหากินกับฉากมาตรฐานในหนังผี อย่างฉากในอ่างอาบน้ำที่เล่นกับแล้วไม่รู้กี่เรื่อง แล้วที่น่าหงุดหงิดก็คือ เด็กในเรื่องต้องรับหน้าที่ตัวละครไร้ความคิดแล้วทำเรื่องโง่ ๆ ที่ทำให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่าเดิม ตามตำนานเล่าไว้ว่า ผีลาโรโยนา ก่อนปรากฏตัวนี่ เหยื่อจะได้ยินเสียงของเธอเรียกหาลูกก่อน แต่ในหนังก็ไม่ได้เอาเสียงโหยหาของเธอมาใช้ ทั้งที่จุดเด่นนี้น่าจะเพิ่มความสยองของเธอขึ้นได้อีกมาก
The Curse of La Llorona ไม่เพียงแค่เปิดตัวผีตัวใหม่ในจักรวาลคอนจูริ่งเท่านั้น ยังเปิดตัวคาแรกเตอร์ใหม่ ราฟาเอล ออลเวรา หมอผีเม็กซิกัน ราฟาเอล เป็นหมอผีที่ถูกสร้างเอกลักษณ์ขึ้นมาเด่นชัด ฝีมือดี อุปกรณ์เยอะ ที่สำคัญชอบเล่นมุกตลกหน้าตาย พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโทนเดียว ไม่ค่อยแสดงสีหน้าอาการทางหน้าตา ดูแววแล้วราฟาเอลน่าจะต่อยอดไปมีบทบาทสำคัญในเรื่องต่อ ๆ ไปในจักรวาลคอนจูริ่ง เสียมากกว่าผีลาโรโยนาเสียอีก ส่วนความน่ากลัวของหนัง ให้อยู่ในระดับเดียวกับ The Nun ที่พอมีฉากให้ได้ลุ้นสะดุ้งชวนปิดตาอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นมีฉากลุ้นยาว ๆ ชวนจดจำอย่างใน Annabelle Creation ถ้าชอบหนังผี อยากลุ้นก็ได้ลุ้นครับ แต่ถ้าพลาดไปก็ไม่น่าเสียดาย