รีวิว Fighting with My Family ปลุกแรงบันดาลใจในตัวคุณ
อาจจะเป็นรีวิวที่มาช้าเกินไปนิด เพราะกว่าที่คุณจะมีเวลาไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ป่านนี้หนังก็แทบจะไม่เหลือรอบในโรงหนังให้ชมแล้ว เนื่องจาก Avengers: Endgame ยึดโรงหนังไปจนเกือบหมด บางโรงหนังอาจจะพอเหลือรอบบ้างประปราย
สำหรับ Fighting with My Family นั้นเป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของซูเปอร์สตาร์สาว ในแวดวงมวยปล้ำอย่าง WWE โดยตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของเพจและแซ็คสองพี่น้องคนสนิทที่เกิดมาในครอบครัวมวยปล้ำ โดยทั้งสองเติบโต เรียนรู้เข้าใจในวิถีของกีฬา (และการแสดง) ชนิดนี้เป็นอย่างดี จนกระทั่งวันหนึ่งวิดีโอที่ทั้งสองคนส่งเพื่อไปออดิชั่นได้ไปเข้าตา WWE ซึ่งมาคัดเลือกนักมวยปล้ำหน้าใหม่ถึงประเทศอังกฤษ
ระหว่างที่ออดิชั่น แซ็คพี่ชายของเพจตั้งความหวังเอาไว้สูงมากว่าเขาน่าจะได้รับเลือกในการไปเป็นซูเปอร์สตาร์ใน WWE จนเรียกได้ว่ามันแทบจะเป็นความฝันที่สูงสุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อผลการคัดเลือกออกมากลับกลายเป็นว่า เพจเป็นคนเดียวที่ได้รับการคัดเลือกเข้าโปรแกรมปั้นนักมวยปล้ำหน้าใหม่แต่เพียงผู้เดียว เธอจึงต้องจำใจอำลาครอบครัวและเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อทำตามความฝันของครอบครัว สิ่งที่เพจต้องต่อสู้อย่างหนักไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆคนอื่นๆที่เข้าร่วมโปรแกรม แต่ยังต้องต่อสู้กับจิตใจของตัวเองว่าเธอจะถอดใจทิ้งมันแล้วกลับบ้าน หรือจะสู้ยิบตาเพื่อกลายเป็นดาวจรัสแสงในวงการ WWE
ผลงานการเขียนบทและกำกับของสตีเฟ่น เมอร์ช้านท์ เลือกที่จะหยิบเอาเรื่องของซารายา เบวิส หญิงสาวที่ต่อสู้ภายใต้ชื่อ “เพจ” และครอบครัวสุดโต่งที่หมกมุ่นกับมวยปล้ำของเธอเอามาบอกเล่าให้กับผู้ชมได้รับรู้ ซึ่งจะว่าไปแล้วถ้ามองในแง่ของการตลาด WWE ได้ประโยชน์จากการสร้างหนังครั้งนี้เต็มๆ เพราะผู้ชมทั่วไปที่ไม่แฟนมวยปล้ำอย่าง WWE จะได้มีโอกาสทำความเข้าใจการก้าวเข้าไปเป็น ซูเปอร์สตาร์ บนสังเวียนมวยปล้ำได้เช่นกัน
คนดูจะได้เห็นการเดินทางของคนมีฝัน ความผิดหวัง ความมุมานะ และความพยายามที่จะนำพาใครสักคนก้าวขึ้นไปอยู่บนจุดที่ไฟสปอตไลท์จะฉายแสงลงมาหาพวกเขาหรือเธอบนเวที หนังเรื่องนี้ไม่แตกต่างอะไรจากหนังในกลุ่ม “ตัวละครตะกายฝัน” แต่วิธีการบอกเล่าเรื่องราวในหนังเรื่องนี้จัดได้ว่าอบอุ่น ตัวละครมีแง่มุมในชีวิตที่น่าเอาใจช่วย และเหนืออื่นใดคือฟลอเรนซ์ พิว ผู้รับบทเป็นเพจ สามารถโอบอุ้มบทของเธอและหนังทั้งเรื่องอย่างเปี่ยมเสน่ห์จนคนดูไม่อาจจะละสายตาได้ แม้ว่าเธอจะถูกเรียกว่าเป็น “อีผี” อยู่ในหนังอยู่บ่อยครั้ง แต่การแสดงแบบเข้าถึงบทบาท ตัวละครมีความครุ่นคิดและมีอะไรอยู่ในดวงตาของเธออยู่ตลอดเวลา ยิ่งทำให้ตัวละครที่เธอสวมบทอยู่ “น่าเชื่อ” และทำให้เราอยากจะเอาใจช่วยเธออยู่ตลอดเวลา
เหนืออื่นใดคือ Fighting with My Family เป็นหนังที่พร้อมจุดไฟแห่งความฝันในชีวิตของผู้ชมให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง เราจึงอยากแนะนำคุณผู้ชมที่กำลังท้อแท้ในชีวิต อยากหาหนังสักเรื่องที่ช่วยเสริมสร้างแรงบันดาลใจ แนะนำหนังเรื่องนี้เลยครับ