POKÉMON Detective Pikachu เมื่อพิกาชู กลายเป็นนักสืบ
นี่คือครั้งแรกที่ตัวละครโปเกมอนอย่าง “พิคาชู” จะได้โลดแล่น ผจญภัยในหนังไลฟ์แอ็คชั่น เป็นครั้งแรก โดยตัวหนังจะอ้างอิงจากแบรนด์โปเกมอนอันเป็นขวัญใจของผู้ชม อีกทั้งบรรดาตัวละครโปเกมอนนั้น ยังได้รับความนิยม ในวงการบันเทิงมาหลายยุคสมัย และเป็นผลงานแฟรนไชส์แอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่งก็ว่าได้
การหายตัวไปอย่างลึกลับของยอดนักสืบ
ยอดนักสืบแฮร์รี่ กู้ดแมนได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ทิม ลูกชายวัย 21 ปีของเขา จึงต้องค้นหาสาเหตุว่าเกิดขึ้นจากอะไร ผู้ช่วยการสืบสวนครั้งนี้คือนักสืบพิคาชู โปเกมอนขนปุย อดีตคู่หูนักสืบของแฮร์รี่ นักสืบที่มีความตลกและน่ารักอยู่ในตัว แถมยังแอบมีความสับสนในตัวเอง ทิมคือมนุษย์เพียงคนเดียวที่พูดคุยกับนักสืบพิคาชูได้ พวกเขาต้องร่วมมือกันไขปริศนาที่แสนสับสน ตามหาเบาะแสไปด้วยกัน บนท้องถนนไรม์ ซิตี้ เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและทันสมัย ที่สร้างขึ้นมาจากความสามัคคีระหว่างมนุษย์และโปเกมอนตามจินตนาการของผู้ก่อตั้ง โฮเวิร์ด คลิฟฟอร์ด (บิล ไนฮี่) มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ อันเป็นเมืองที่มนุษย์และโปเกมอนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
เมื่อเราเปิดใจอะไรก็ดีไปหมด
ผู้อำนวยการสร้างฯ ฮิเดะนากะ คาตะคามิ และ ดอน แม็คโกวานแห่ง The Pokémon Company มองว่าหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อเราเปิดใจตัวเองสร้างความสัมพันธ์ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม เราทุกคนต่างเคยล้มและบางครั้งก็ยากที่จะลุกขึ้นมาใหม่ นั่นคือสิ่งที่ทิมเจอในช่วงที่เดินทางไปไรม์ ซิตี้ เขาไม่อยากเปิดรับอะไรทั้งนั้น แต่เขาได้ผูกมิตรกับนักสืบพิคาชูที่เต็มไปด้วยความหวัง จนทำให้เขาลองพยายามตามหาพ่อ ฉะนั้นในมุมหนึ่งมันคือเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก และยังไม่สายที่จะไขว่คว้าโอกาสครั้งที่ 2
ส่วนผู้ชมที่โตมาพร้อมกับการสะสมการ์ดโปเกมอนจะเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์เฉพาะตัว และการเข้าถึงโปเกมอน นั่นจึงเป็นประเด็นสำคัญและยังเป็นการประกาศความสำคัญของแบรนด์ Pokémon อีกด้วย
สึเนคาซึ อิชิฮาระ ประธานแห่ง The Pokémon Company และผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ ได้เล่าว่า “ในหนังมีการผสมผสานกันระหว่างหลักการทั่วไปของโปเกมอนและเรื่องราวต่าง ๆ ขณะที่มีการถ่ายทอดเรื่องราวที่เรียกความสนใจจากทั่วโลกได้ด้วย ไม่ต่างจากแบรนด์โปเกมอน นี่คือหนังที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ แฟนผลงานมาอย่างยาวนานหรือผู้ที่เพิ่งได้สัมผัสกับโลกของโปเกมอน”
สิ่งที่สำคัญสุดในการทำความเข้าใจเอกลักษณ์ของเหล่าโปเกมอน สำหรับตัวแฟนมังงะและแบรนด์คือเรื่องของวิวัฒนาการ เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านี้สามารถแปลงร่างเป็นเวอร์ชั่นที่มีพลังมากขึ้นได้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญของโลกสุดพิเศษใบนี้ คือโปเกมอนสามารถแสดงความมีมนุษยธรรมและเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีของมนุษย์ รวมไปถึงพวกเขามีวิวัฒนาการกลายเป็นเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นได้นั่นเอง
ทิม ชายหนุ่มผู้ออกเดินทางตามหาพ่อ
ทิม (รับบทโดยจัสติซ สมิธ) ได้รับการเลี้ยงดูจากคุณย่าในอีกเมืองหนึ่ง เขาไม่ได้เจอพ่อมานานหลายปี และเขาชอบพูดว่าเขาไม่คิดอะไรเรื่องพ่อ เขาไม่ต้องการพ่อ เขาไม่ต้องการอะไรหรือใครเลย กระทั่งโปเกมอนของตัวเองด้วยก็ตาม แต่เมื่อได้เข้าไปในที่พักของแฮร์รี่ ผู้เป็นพ่อ ทิมก็ต้องรู้สึกหวั่นไหวขึ้น เมื่อเขาพบว่าในห้องนั้นมีภาพของทิมตอนเด็กที่อยู่ในกรอบรูป การ์ดวันเกิดที่ไม่ได้ส่งไปถึงปลายทางและตั๋วรถไฟที่ซื้อไว้แต่ไม่เคยผ่านการเดินทาง และมีห้องที่ตกแต่งไว้สำหรับเด็กวัยรุ่นที่รักโปเกมอน แต่ทิมกลับไม่เคยได้ใช้งานห้องนั้นเลยสักครั้ง
พิกาชู ในเวอร์ชั่นพูดได้!
ความน่ารักของนักสืบพิคาชูเมื่อเทียบกับความขี้บ่นของตัวเขา ดูเป็นเรื่องที่ขัดกันอย่างลงตัว และการพากย์เสียงของเรย์โนลด์สก็ราบรื่นด้วย “มันมีความตลกตรงที่ไรอันตัวใหญ่แต่เสียงของเขากลับออกมาจากตัวละครที่เล็กจิ๋วและน่ารัก มันดูเหมือนไปคนละทางแต่กลับมีความเป็นธรรมชาติมาก”
นักแสดงนำทั้งสองคนได้พยายามทำความรู้จักกันก่อนจะเปิดกล้อง หลังจากที่ทั้งสองรู้สึกจูนกันติด ไรอัน เรย์โนลด์สได้เข้าฉากร่วมกับสมิธตั้งแต่ช่วงเริ่มการถ่ายทำ คอยป้อนบทของนักสืบพิคาชูให้เขาผ่านหูฟัง สร้างมิตรภาพนั้นขึ้นมาในระหว่างที่สมิธก็ถ่ายทำไปโดยมีสแตนอินอ่านบทต่าง ๆ ให้
ไรอัน เรย์โนลด์ส เล่าว่า “ผมให้เสียงพากย์มาเยอะมาก และครั้งนี้ก็สนุกเป็นพิเศษเพราะต่างจากที่เคยเจอมาเลย ผมได้แสดงกับจัสติซ สมิธที่อยู่ตรงหน้าด้วย” หลังจากนั้นพอได้อยู่ในฉากเขาได้เล่าต่ออีกว่า “ผมอยากไปอยู่ตรงนั้นเพื่อปรับปรุงเรื่องจังหวะมีหลายครั้งที่เราได้คุยกัน มีความรู้สึกเหมือน Odd Couple เลยครับ เราเลยอยากแสดงออกมาให้ถูกต้อง”
อีกหนึ่งมนุษย์ตัวเด่นของเรื่อง
ไรม์ ซิตี้ปรากฏขึ้นราวกับเป็นความฝันและเป็นการออกแบบจากผู้ชายคนหนึ่งคือโฮเวิร์ด คลิฟฟอร์ด ซึ่งบิล ไนฮี่ผู้รับบทบาทนี้ได้อธิบายไว้ว่า “เขาเป็นเศรษฐีผู้มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง หากจะพอนึกภาพได้ เขาเป็นซีอีโอแห่งบริษัท Clifford Enterprises ซึ่งเมืองนี้เป็นผลงานการทดลองของเขา เป็นที่ที่มนุษย์และโปเกมอนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความเท่าเทียม”
น่าตลกที่โฮเวิร์ดไม่มีความอบอุ่นในบ้านของเขาเองเลย เขามักมีปัญหาลูกชายขี้โมโหของเขาชื่อโรเจอร์ตลอดเวลา ลูกชายของเขาเป็นประธานบริษัท แต่กลับมีไอเดียของตัวเองและมักหาโอกาสต่อว่าและขัดขวางเขาตลอดเวลา ซึ่งถ้าโฮเวิร์ดต้องการอะไร เขาจะขัดขวางสิ่งนั้นอยู่เสมอ